1 เมษายน 2556 01:58 น.
ศิวสิโรมณิ
อัสสุชลล้นเอ่อไหลระรื่น
ประดุจคลื่นยามสงบวาโยหาย
ก่อนหยดหยาดพิรุณจะโปรยปราย
เสมือนคล้ายทุกอย่างสลายไป
ดวงจันทราที่งดงามเคลื่อนประดับ
โสตสดับสุรเสียงจากแดนไกล
ดุจสายลมพัดพลิ้วคอยปลอบใจ
ให้หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา
เมื่อถึงคราวยามหลับยังคงฝัน
ไม่แปลผันยังคำนึงดั่งมัจฉา
ที่เคลื่อนไหลว่ายไปไกลในธารา
แม้นนิทราไม่เว้นวางว่างเปลี่ยวใจ
ดั่งดวงดาวดวงเดือนนั้นดับมืด
จะมีคืนไร้สิ้นแสงอีกนานไหม
รัตติกาลช่างเนิ่นนานแสนยาวไกล
อโณทัยถึงกาลใดจะหวนมา
นานเท่าไรความเศร้าจึงจางหาย
ต้องเดียวดายต่อไปอย่างไรหนา
สิ่งร้าวรานคือการต้องจากลา
ที่นำพาความโศกามาสู่ใจ
ส่วนกายาเสมือนสิ้นไร้เรี่ยวแรง
ดุจดั่งแสงเพียงเลือนลางจางหายไป
จะกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นเช่นไร
แล้วแต่ใจเอาชนะตัวเราเอง
..........................................
เมื่อเปิดตาเปิดใจหันมองกลับ
แม้จะลับผู้ลาจากยังแลเห็น
ความห่วงใยจากใจจริงของผู้เป็น
แม้นยากเย็นเพียงใดจงลุกยืน...