29 ธันวาคม 2551 16:06 น.
ศิลากันต์กนก
สับสน จิตใจคนวกวนหยั่งมิได้
พูดอีกอย่างกลับทำอย่างกลับกลอกไป ช่างเหลวไหลเชื่อไม่ได้จิตใจคน
เหนื่อยหน่าย อยากจะตายลงไปเสียให้พ้น
อยู่บนดลกที่แสนจะวุ่นวน ทุกแห่งหนไร้สัจจาแฝงราคี
เหลือเชื่อ ความดีไม่หลงเหลือแล้วหรือนี่
มองทางไหนไม่ยักจะเห็นมี ไปหลบลี้อยุ่ไหนเล่าเจ้าความดี
มองหา สุดสายตามือมนจนริบหรี่
โลกหมุนเวียนเปลี่นไปทุกนาที ความสัตย์ชื่อหลบหนีไม่เหลือเงา
ความรัก เมื่อไหร่จะประจักษ์อย่างใครเขา
ลมพัดต้องเนื้อเพียงบางเบา ก็สั่นเทาเพราะเราอาภัพรัก
โดดเดี่ยว ต้องการคนแลเหลียวคอยปกปัก
ปลอบประคองถนอมเฝ้าฝูมฟัก ผูกสมัครรักใคร่ใจตรงกัน
เหน็บหนาว ทั้งปวดร้าวคราวราตรีที่หลับฝัน
วาดความหวังว่าคงมีสักวี่วัน ว่าตัวฉันคงได้พบกับรักจริง
ความหวัง คือพลังขับเคลื่อนสรรพสิ่ง
คอยเตือนใจยามท้ออย่าหยุดนิ่ง หวังแอบอิงรักแท้อันแน่นอน
รอนาน วันคืนที่ผันผ่านคอยพร่ำสอน
รอยอดีตคอยย้ำเตือนทุกช่วงตอน ปัจจุบันรุ้สังวรณืตัวตนเรา
ท้อแท้ ความย่ำแย่ย่อมมากับความเศร้า
น้ำตามิได้ช่วยผ่อนบรรเทา หยุดเถิดอย่าโง่เขลาเฝ้าเสียใจ
หยุดร้อง จงผยองห้ามน้ำตาอย่าให้ไหล
ลบความเศร้าภาพอดีตลืมมันไป หยุดร้องให้จงเข้มแข็งทะนงตน
ย่างก้าว ลืมเรื่องราวผ่านทางอันสับสน
แม้พานพบบทเรียนเวียนวกวน สักวันฝนคงลาพบฟ้างาม