4 เมษายน 2545 08:24 น.
ศาลาไทย
ยินสำเนียงเสียงนั้นกันหรือไม่
เสียงดังใครกู่เรียกคอยเพรียกหา
ฟังผะแผ่ววิบวับคลับคล้ายคลา
เพียงแว่วมาไกลไกล...ไว-อา-รี...
สายน้ำหนึ่งซึ่งเล่าขานมานานนับ
มิย้อนกลับนานเท่าไหร่ยังไหลรี่
บางคราวเรื่อยเฉื่อยไปสายนที
บ้างกลับปรี่เชี่ยวกรากกระชากใจ
ความรักนั้นย่อมเป็นเช่นสายน้ำ
ช่างลึกล้ำแลล่วงห้วงรินไหล
คอยแต่จัก ลับเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ยิ่งห่างไกลพ้นผ่านนานนิรันดร์
...ไว-อา-รี...ยินเสียงนี้อยู่เสมอ
ฟังสิเออ ยังคงย้ำพร่ำเรียกฉัน
คำคอยบอก ที่รักจ๋ามาหากัน
สำเนียงนั้นเตือนว่าใจได้ลับลง
ความรักฉันจมหายกับสายน้ำ
แสนชอกช้ำดวงจิตร้าวราวผุยผง
...ไว-อา-รี...เฝ้าเตือนมาว่าปลิดปลง
รักนั้นคงจากไปไม่หวนคืน ...
...ไม่หวนคืน ...
...ไม่หวนคืน ...
2 เมษายน 2545 08:38 น.
ศาลาไทย
๏ ดึกดื่นดาวเคลื่อนฟ้อน..........ระบำฝัน
หอมสุหร่ายน้ำค้างอัน..............ฉ่ำฟ้า
ทิพย์สังคีตกล่อมสวรรค์............ลมร่ำ
เสพสุขระยับระย้า....................อิ่มคว้างกลางหาว ๚
๏ ดาวไถไถเถื่อนถ้อย.............ถากถาง
ทบเท่าคำทวีวาง......................เวี่ยไว้
มองเมินใช่เมินหมาง................เมินหม่น
เหมือนหมิ่นน้ำใจให้.................ลับแล้งลงฤๅ ๚
๏ ลายสือดังเสกสร้อย..............จากสรวง
รื่นรสละดาษดวง......................ทิพย์คล้าย
ดาวตกสะทกทรวง...................ประจานเจ็บ
ฤๅจักเป็นดาวร้าย....................สะเก็ดน้ำตากระเซ็น ๚
๏ เห็นดาวหางฟาดเวิ้ง.............เฟือนสวรรค์
หลงเล่ห์ฝุ่นนับอนันต์................ระยับด้าว
ระยิบทิพย์ทาบขวัญ..................พรายสะเก็ด
กรวดเกลื่อนสรวงร้อนร้าว.........เปล่าคว้างมิติแฝง ๚
๏ แหนงหนีดาวจระเข้..............เกลือกขบ
ดาวลูกไก่ขยับหลบ...................จรดหล้า
พลันตะวันสาดแสงทบ..............สะทกเยือก
ริ้วแรกแทรกเสี้ยวฟ้า................โลกสะท้านสะเทือนคน ๚
1 เมษายน 2545 08:24 น.
ศาลาไทย
ฝันจะสร้างทางใสในฟ้าสาง
เพียงแผ่วบางเลาะไล้แม้ไม้หนาม
ทุกคำบ่งจงใจให้เห็นงาม
กี่โมงยามยืนหยัดลงจัดเรียง
ถึงทุกข์ท้อขอทนปนแปลกบ้าง
หากหนึ่งอย่างตอบรับสรรพเสียง
ก้องอยู่ในใจฉันวันคืนเคียง
คือขอเพียงไมตรีที่คงเดิม
ลองจรดบทแรกอาจแผกผิด
ใช่เลิกคิดคืนกลับนับแต่เริ่ม
วาดด้วยใจในทุกแห่งที่แต่งเติม
จึงเพียรเพิ่มเขียนคำมาย้ำรอย
แต่งกลอนหวานมาอ่านเล่นเห็นสนุก
พอคลายทุกข์ยามเศร้าเพราะเหงาหงอย
เคยคิดถึงสักนิดไหมใจคนคอย
นั่งละห้อยเช้าจนค่ำช้ำเสียจริง
กลอนไม่หวานเพราะงานหนักมิพักผ่อน
หัวใจกร่อนถูกหยามย้ำน้ำใจหญิง
นี่ใจน้องก็ใจเนื้อเผื่อพักพิง
พอโดนทิ้งเลยทดท้อล้อทำนอง
เฮ้อ...เหนื่อยนักพักหน่อยค่อยเขียนต่อ
ยินไหมหนอคนทางนี้ที่หม่นหมอง
หรืออยู่ไกลไม่เห็นค่าว่าควรมอง
คำเคยกรองเริ่มเลือนล้ามาขาดรอน
คนใจง่ายคล้ายเราเหงาแล้วเพ้อ
หลงละเมอในวังวนกลอักษร
เจอคำหวานผ่านลีลาภาษากลอน
ยิ่งโอนอ่อนเชื่อตามทุกความไป
เขาล้อเล่นกันดอกบอกกี่ครั้ง
คำที่หวังจึงปี้ป่นแทบหม่นไหม้
เขียนกลอนบ่นปนน้ำตามาแทนใจ
แจ้งจริงในถ้อยคนลวงหน่วงเหน็บนาน...