10 เมษายน 2545 09:36 น.
ศาลาไทย
ยามร้อนนักต้องพักร้อนผ่อนเพลาบ้าง
เลือกวันว่างไปล่องแพพอแก้เหงา
หลบเมืองกรุงมุ่งเมืองกาญจน์บ้านเพื่อนเรา
แบกกระเป๋าแอบฉายเดี่ยวเสียวหัวใจ
เหนือเขื่อนศรีฯมีห้วงน้ำช่างฉ่ำชื่น
แสนเริงรื่นสองฝั่งตาคราเลื่อนไหล
ค่อยล่องเลาะเกาะแก่งทุกแหล่งไป
หลับอยู่ในเรือนแพน้อยลอยกลางชล
เขียนกลอนงามตามที่เห็นเป็นของฝาก
อย่าคิดมากเพียงเหินห่างในบางหน
หากเธองอนฉันจะง้อแค่พอทน
เราสองคนย่อมมีบ้างต้องร้างกัน
เก็บสีทองส่องผืนภาพทาบทอแสง
ฝากรักแฝงฟ้าระยับมารับขวัญ
ถึงต่างเรือนเยือนถิ่นพักสักร้อยพัน
แต่ตะวันที่กลางใจ...ยังใช่เธอ !
หมายเหตุ : ขอบคุณเจ้าของ แพเก็บตะวัน
เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี
๖-๗ เมษายน ๒๕๔๕
9 เมษายน 2545 08:52 น.
ศาลาไทย
เธอบอกว่าหากวันไหนที่เหนื่อยหนัก
จงหยุดพักและมองไปในฟ้ากว้าง
ถึงคืนค่ำยังฉ่ำใจใช่จืดจาง
แม้อยู่ห่างแต่ความรักจักอยู่ยัง
เพียงดาวพริบวิบวาว ณ ราวฟ้า
ใจที่ล้าเริ่มกร้าวแกร่งด้วยแรงหวัง
สานศรัทธาแห่งอุ่นอ้อมหลอมพลัง
เหมือนน้ำหลั่งรดรินใจมั่นไมตรี
เก็บเก็จดาวจากราวฟ้ามาเรียงร้อย
เป็นสรวงสร้อยสอดสายรุ้งจรุงสี
ทางช้างเผือกเลือกมาต่อให้พอดี
คล้องไว้ที่หัวใจ...ใครบางคน
8 เมษายน 2545 13:40 น.
ศาลาไทย
โปรยประทิ่นกลิ่นบุหงาภาษาสวรรค์
เสกจำนรรจ์ระเรียงร้อยราวสร้อยสรวง
กลีบกุสุมพุ่มระบัดมาทัดทรวง
เจ้าติดบ่วงของเขาแล้วฤๅแก้วใจ
หวานหนอหวานซ่านซึ้งตรึงดวงจิต
เพียงน้อยนิดแน่นหนักจักหาไหน
หอมหนอหอมอวลอุ่นละมุนละไม
ตกอยู่ในห้วงแห่งรักประจักษ์จาร
5 เมษายน 2545 08:52 น.
ศาลาไทย
๏ พระราชวังเลิศล้ำ วโรฬาร
นาม พญาไท ขาน เขตคล้อง
ไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่ง
ดังแท่นพิษณุพ้อง สถิตไท้ ธ ผทม ๚
๏ ชื่นชมสถาปัตย์ล้วน สง่าศรี
สมชื่อ พิมานจักรี จรัสด้าว
โรมาเนสก์รมณีย์ ราเมศ
โกธิคโดมเด่นอะคร้าว เสกสร้างผสมงาน ๚
๏ ผสาน ศรีสุทธนิวาส ไว้ เงื่อนงาม
ศิลปะตะวันตกตาม แบบต้น
ปูนเปียกบ่งบอกความ ยอดยิ่ง
ยลภาพหลายหลากล้น ดอกไม้ละลานตา ๚
๏ ลีลาศาสตร์แต่งแต้ม ศิลป์ผสม
เทวราชสภารมย์ เพริศแพร้ว
พฤกษาพร่างพราวพรม พรรณประดับ
เพียงศุภพิมานแก้ว มาดแม้นเสมอเหมือน ๚
๏ เยือนพระตำหนักน้อย เทียบนที
คือ เมขลารูจี รุ่งเรื้อง
เรือนไม้สักสง่าศรี วรศักดิ์
ริมฝั่งน้ำถัดเยื้อง เลิศแท้ทิพย์สถาน ๚
๏ ราวสังวาลสลับสร้อย เลอสรวง
พระที่นั่งรัตนะปวง เวี่ยไว้
ยลพระราชวังหลวง เวียงวิเศษ
ปานประหนึ่งบังคมไท้ นบเบื้องบาทยุคล ๚
4 เมษายน 2545 08:24 น.
ศาลาไทย
ยินสำเนียงเสียงนั้นกันหรือไม่
เสียงดังใครกู่เรียกคอยเพรียกหา
ฟังผะแผ่ววิบวับคลับคล้ายคลา
เพียงแว่วมาไกลไกล...ไว-อา-รี...
สายน้ำหนึ่งซึ่งเล่าขานมานานนับ
มิย้อนกลับนานเท่าไหร่ยังไหลรี่
บางคราวเรื่อยเฉื่อยไปสายนที
บ้างกลับปรี่เชี่ยวกรากกระชากใจ
ความรักนั้นย่อมเป็นเช่นสายน้ำ
ช่างลึกล้ำแลล่วงห้วงรินไหล
คอยแต่จัก ลับเชี่ยวเป็นเกลียวไป
ยิ่งห่างไกลพ้นผ่านนานนิรันดร์
...ไว-อา-รี...ยินเสียงนี้อยู่เสมอ
ฟังสิเออ ยังคงย้ำพร่ำเรียกฉัน
คำคอยบอก ที่รักจ๋ามาหากัน
สำเนียงนั้นเตือนว่าใจได้ลับลง
ความรักฉันจมหายกับสายน้ำ
แสนชอกช้ำดวงจิตร้าวราวผุยผง
...ไว-อา-รี...เฝ้าเตือนมาว่าปลิดปลง
รักนั้นคงจากไปไม่หวนคืน ...
...ไม่หวนคืน ...
...ไม่หวนคืน ...