31 มกราคม 2550 20:09 น.
ศารทูล
๐ หมู่แมกไม้พุ่มพฤกษา ณ ป่าใหญ่
แผ่แขนงกิ่งไปสุดเขตขันธ์
ใบน้อยใหญ่หมายบังแสงตะวัน
รากลดเลี้ยวเลื้อยพันบนพื้นดิน
๐ อีกธาราเย็นใสไหลลัดเลาะ
ยินเสียงน้ำไหลเซาะสาดซอกหิน
ช่างไพเราะฟังเพลินดั่งเสียงพิณ
ทุกชีวินนิ่งสดับเพราะจับใจ
๐ ลมพัดผ่านพระพายครวญหวีดหวิว
กลีบบุปผาปลิดปลิวระยับไหว
กลิ่นตลบหอมฟุ้งเย้าหทัย
พิศดอกไซร้งามแท้แม้โรยรา
๐ ป่าเปิดให้สรรพสัตว์อิงอาศัย
สุนัขไพรจิ้งจอกหอนเรียกหา
ในสายธารแผ้วผ่องมองเห็นปลา
ฝูงนกการ้องร่ำทำสำเนียง
๐ กวางกวัดแกว่งแขนงเขากลางทุ่งกว้าง
เหล่าลิงค่างโจนจับพลางส่งเสียง
กระบือป่าเล็มหญ้ายืนรายเรียง
ขนาบเคียงด้วยฝูงม้าอาชาไพร
๐ ดงกว้างใหญ่ใช่จะไร้ซึ่งสัตว์น้อย
กระรอกโดดโจนผล็อยไม่เผลอไผล
กระต่ายวิ่งวุ่นว่อนด้วยว่องไว
แคล้วคลาดภัยจากเหยี่ยวเที่ยวหากิน
๐ ยังมีหลืบลึกลับชวนสงสัย
บนภูผาเกริกไกรคือถ้ำหิน
ยามย่ำค่ำค้างคาวออกโบยบิน
ทิ้งที่ถิ่นตราบสิ้นรัตติกาล
๐ อนิจจาผืนป่านี้งามล้ำ
แต่มนุษย์ใจดำกลับล้างผลาญ
เหล่าสัตว์ป่าหนีไม่พ้นคนรังควาน
ความสุขเมื่อวันวานพลันสิ้นไป
๐ มนุษย์เอ๋ยบัดนี้ยังไม่สาย
หยุดทำลายหยุดรุกรานเถิดได้ไหม
ก่อนพงพีมิอาจต้านทานภัย
ใคร่ครวญเถิดหากสิ้นไพรใครคร่ำครวญ
..................
31 มกราคม 2550 19:55 น.
ศารทูล
๐ สุดชลแนบขอบน้ำ.............ชลาธาร
สุรบถจรดละหาน..................สนิทแม้น
พิรุณโปรยประหนึ่งปาน........ฟ้าร่ำ ไห้นา
ฝนฉ่ำกระหน่ำแคว้น............สมุทรส้านสะท้านไหว ฯ
๐ สนั่นโสตเสียงกึกก้อง.........เวหน
แสงวับวาบแวมบน...............ฟากฟ้า
วลาหกปกสูรย์ดล..................หม่นมืด
สุริเยศสิ้นแสงกล้า................พร่าฟ้าเงาโพยม ฯ
๐ วาโยพล่านดั่งท้า................คีรี
พลันพลุ่งเล่ห์ชลธี.................กรากกริ้ว
พรูพรั่งผ่านพงพี...................ชวนพรั่น
พรรณพฤกษ์ลมหอบหิ้ว.........ฉีกคว้างกลางหน ฯ
๐ อสุนีบาตฟาดย้ำ.................สู่ดิน
พิภพเพียงพังภินท์................ลั่นหล้า
เตโชพรากชีวิน....................ม้วยมอด
อ้างอวดฤทธิ์แห่งฟ้า...............ดั่งแกล้ง...ฤาไฉน ฯ