6 พฤษภาคม 2553 01:27 น.
ศรีอักษรลักษณ์
ฝันชื่น ใต้โอ๊คร่มรื่นใยแสนเศร้า
หลบแสงจันทราบนฟ้าเจ้า
ร่มไม้ทอดเงาใจเหงาไม่เงียบงัน
จันทร์ผ่อง เปล่งแสงสีทองบนฟ้านั่น
ลมพัดชื่นใจดอกไม้สั่น
แว่วเสียงดวงจันทร์บอกกันให้หวั่นไหว
ฝันชื่น ก่อนนั้นค่อนคืนเคยรักใคร่
กิ่งไม้ทอดเงาบอกเราให้
คิดถึงดวงใจจากไปยังไห้หวน
หมองหม่น อกช้ำจำทนคอยคร่ำครวญ
แอบหวังคราใดจิตใจป่วน
โอ้เศร้ามันชวนให้ล้มไปทั้งยืน
ยังฝันปลื้ม ถึงแม้ไม่ลืมความขมขื่น
และแม้คู่เราเป็นเขาอื่น
ยังเฝ้าคอยคืนที่เราอยู่คู่กัน
และแม้เจ็บ จะขอสู้เก็บความรักมั่น
จะเฝ้ารอไปไม่ไหวหวั่น
ไม่ท้อรอวันเธอนั้นมาร่วมหมอน
(บิมบอม...ล้าลา)
ฝันชื่น ใต้โอ๊คร่มรื่นอย่างคืนก่อน
ถึงแม้ใจเราจะเร่าร้อน
ยังเฝ้าคอยวอนรักย้อนกลับคืนมา
---------------------------------------------------------
....เป็นเพลงที่ผมรู้สึกประทับใจในทำนองที่ค่อนไปทางแนวบอสซาโนวา ฟังครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจ จึงได้นำทำนองนั้นมาแต่งเนื้อร้องบรรจุลงไปดังนี้ครับ
ดาวโหลด-ลองฟังที่นี่ http://www.4shared.com/audio/GBMSPZE2/BOSSANOVA_-_BIM_BOM_-__.html ครับ
28 เมษายน 2553 11:49 น.
ศรีอักษรลักษณ์
เมื่อศึกซ้ำทำไทยให้ร้าวแยก
ใช่ศึกแผกเชื้อชาติศาสนา
ใช่ศึกนอกแผ่นดินนวมินทรา
คือศึกไทยอหังการ์ฆ่ากันเอง
ยังทหารหาญไทยใช่ใครอื่น
น้ำตารื้นถูกไทยไล่ข่มเหง
อีกตำรวจก็เหยียบย่ำไม่ยำเกรง
ละทิ้งเพลงชาติไทยให้เอวัง
ไทยเคยแกร่งแรงอ่อนหย่อนแรงสู้
เพราะริปูคือไทยใช่ฝรั่ง
หรือชาติไหนใครคึกศึกประดัง
ไทยพร้อมพรั่งปลิดปลดจนหมดไป
นิจจาไทยรบไทยในวันนี้
ลืมเป็นพี่เป็นน้องลืมร้องไห้
ลืมโคตรเหง้าลืมปู่ย่าประชาไทย
ลืมแม้ร่มธงไสวได้แนบเนา
เสียงปืนปังดังก้องนองโลหิต
คร่าชีวิตบอบบางอย่างโง่เขลา
ที่เจ็บกายนานวันย่อมบรรเทา
เจ็บอกเราข้างในใครเยียวยา
เมื่อทหารหาญไทยใช่ใครอื่น
น้ำตารื้นถูกไทยไล่เข่นฆ่า
เมื่อตำรวจขัดสนจนปัญญา
พลเรือนอย่างข้ายังดำรง
เอกลักษณ์เอกราชชาติสยาม
ทั่วเขตคามย่อมจีรังดั่งประสงค์
มาดแม้นใครถือดีเปลี่ยนสีธง
อันชีวิตหรือจะคงอย่าแคลงใจ
14 มีนาคม 2553 15:38 น.
ศรีอักษรลักษณ์
....ได้ประสบพบหน้าเพียงคราหนึ่ง
ครวญคะนึงถึงนางไม่ห่างหาย
โอ้กระนี้หรือว่ารักปักใจกาย
จะวางวายเสียเปล่าไม่เข้าการ
ก็ตัวเราเล่าก็เป็นชายชาติ
ต้องอำนาจพิษรักเข้าหักหาญ
เหมือนเสียทีทีใจอาลัยลาน
ไม่สืบสานต่อบ้างนี่อย่างไร
แต่พบกันครั้งแรกก็ริรัก
ถึงกระนั้นอกจะหักเสียให้ได้
ไม่ทันเริ่มก็คงแพ้แล้วแน่ใจ
รูปไม่งามทรามวัยคงไม่รัก
หล่อนอยู่สายนาฏศิลป์ได้ยินชื่อ
ออกเลื่องลือทุกเหล่าเขารู้จัก
จนพี่ได้พานพบประสบพักตร์
จึงต้องศรกามปักลงกลางใจ
จนละเมอเพ้อวับขับเพลงยาว
โอ้ว่าสาวสุรางค์นางชั้นไหน
เป็นดอกฟ้าที่เขาลือหรือว่าไร
แม้นเด็ดได้จะถนอมเป็นจอมนาง
นี่เสียดายเป็นชายอาลัยเปล่า
คิดเอื้อมเอาพฤกษ์พุ่งเมื่อรุ่งสาง
จะดั้นเมฆได้ที่ไหนใช่เทวางค์
จึงครวญครางขับลำคำโศกเอย ฯ
29 ธันวาคม 2552 19:14 น.
ศรีอักษรลักษณ์
๏ ประจงจารผ่านกลอนอักษรศิลป์
ใช่อวดอ้างรจนาเป็นราคิน
มิหวังให้ระบิลระบือไกล
ฉันชื่อศรีสุนทรอักษรลักษณ์
จงประจักษ์แจ้งความตามสงสัย
เป็นนักกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ
จึงจำเรียงเรื่องไว้ให้คนชม
สำนวนกลอนขัดเขินจนเกินเพราะ
ไม่เสนาะสำเนียงเสียงประสม
ต่ำปัญญาพาถ้อยด้อยคารม
ไม่นิยมจริงจังอย่าชังกัน
จะจับความตามกาลโบราณก่อน
พอเล่าย้อนกลับไปถึงไอศวรรย์
แห่งนารายณ์อวตารช้านานครัน
ไวกูณฑ์นั้นจากเกษียรสมุทรมา
เพื่อปราบราพณ์อสุรินให้สิ้นเสี้ยน
ซึ่งเบียดเบียนจักรวาลเที่ยวผลาญฆ่า
จึ่งกำเนิดเกิดองค์พระจักรา
ยังกรุง อโยธยาทวารวดี
ทั้งพระนางอัคเรศวิเศษสวรรค์
นามนั้น คือพระลักษมี
อีกบัลลังก์นาคาในวารี
โดยเสด็จภูมีมาปราบมาร
คือสีดาแลองค์พระอนุช
นามพระลักษมณ์ฤทธิรุทธพระทัยหาญ
จะจับความตามศักติลัทธิกาล
เมื่อครั้งรามาวตารชำนะชัย
ปางรามาวตารผู้ผลาญราพณ์
เสร็จปราบทศพักตร์เธอตักษัย
ให้มีความเปรมปรีดิ์ดีพระทัย
เหมือนหนึ่งได้อมฤตประสิทธิ์องค์
จึ่งพระนางสีดาเยาวเรศ
เห็นภูเบศร์อิ่มพระทัยจนไหลหลง
หารู้ไม่ว่ายังมีประยูรวงศ์
ของราพณ์ร้ายยังดำรงแลแรงฤทธิ์
นางจึ่งทูลพระรามซึ่งความนี้
ว่าภูมีอย่าทรงหลงในจิต
ปราบสิบเศียรใช่เกรียงไกรในทศทิศ
ทูลกระหม่อมจอมชีวิตจงตรองการ
ณ บัดนี้ยังมีพระยายักษ์
ซึ่งมีถึงพันพักตร์น้ำใจหาญ
เป็นประยูรพงษ์ร่วมวงศ์วาน
ในสิบเศียรขุนมารเคยราญรอน
ขอพระองค์ผู้ทรงธรณี
นำศรศรีไปปราบจอมราพณ์ก่อน
ต่อเมื่อนั้นจอมบพิตรวิษณุกร
จึงจะก้องเกียรติกระฉ่อนทั้งโลกา
จึงสมเด็จพระรามาวตาร
ฟังนงคราญสิ้นพะวังไม่กังขา
ทรงคิดพลางทางมีพระบัญชา
เราจะยกยาตราไปเอาชัย
เสด็จถึงซึ่งสนามรณรงค์
ถ้วนทิวธงปลิวอยู่ดูไสว
ทั้งพระนางสีดาอรทัย
ตามเสด็จภูวนัยมาในรถ
ปะทะทัพยักษาพันเศียร
จึงหันเหียนรถทรงอลงกต
เร่งกระบวนป่วนไปไม่ละลด
มิทันที่จะปรากฏฤทธิไกร
จอมราพณ์ร้ายเหนี่ยวสายพระแสงศร
ฤทธิรอนลั่นเลื่อนสะเทื้อนไหว
ต้องพระรามหันเหทรุดเซไป
ทิ้งพระองค์บรรลัยในณรงค์
จึ่งสมเด็จพระเทวีนามสีดา
กริ้วโกรธาบ้าใจจนไหลหลง
วรกายสั่นซ่านสะท้านองค์
จึงนิมิตจิตอนงค์เป็นกาลี
พระโฉมยังคงเป็นนางสีดา
นัยนาลุกเพลิงเถกิงสี
วรกายแสงสะพรั่งดังอัคคี
คว้าคันศรพระภูมีเข้าแนบชิด
แล้วพาดสายหมายเขม้นเข้าเข่นราพณ์
กรซึมซาบพระเสโทโมโหจิต
กัมปนาทหวาดไหวไปทุกทิศ
โฉมเฉลาเยาวมิตรก็แผลงไป
ลูกศรสาดกราดสนั่นเป็นพันเล่ม
ขจายเต็มสนามยุทธไม่หยุดได้
เข้าตัดเศียรทั้งพันโดยทันใด
ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวัน
ปางนั้น จึงสมเด็จพระเยาวเรศ
เมื่อปราบเพศอสุราจนอาสัญ
เหลียวนัยนามาเห็นพระทรงธรรม์
ซึ่งมอดม้วยดับขันธ์บนรถชัย
จึงประกาศสุรสิงหนาท
ตรัสตวาดไปทั่วภพไตรใหญ่
ข้าขอคืนชีวาภัสดาไว้
แม้นหาไม่ข้าจะล้างโลกา
สิ้นคำตรัสสุรเสียงสำเนียงสั่ง
พระรามามีกำลังขึ้นหนักหนา
แล้วชักศรปักอยู่ที่อุรา
ทำลายทิ้งพสุธาทันใด
นางกาลีกลับเป็นนางสีดา
ลักขณานวลละอองผ่องใส
พระภูธรสั่งเคลื่อนรถพิชัย
ยาตราเข้ากรุงไกรอโยธยา ฯาะ
29 ธันวาคม 2552 01:15 น.
ศรีอักษรลักษณ์
๏ ขอจับความตามกลอนสุนทรเขียน
ไม่ไพเราะลมปากสู้พากเพียร
ค่อยบรรจงจำเนียรนิราศมา
ปางพี่มาดหมายสุดาดวงสมร
เหมือนหมายดวงจันทรในเวหา
พิศวาสกลัดกลุ้มรุมอุรา
สุดที่จะไขว่ขว้ามาเชยชม
แม้นพี่เป็นอิศเรศวิเศษศักดิ์
แม้นหมายรักนวลอนงค์ก็คงสม
นี่สุดคิดจิตเรียมเกรียมระทม
หลงละเมอเพ้อชมโฉมชไม
สวาทหมายแต่เจ้าสายสวาทนุช
ไม่สิ้นสุดความรักประจักษ์ไฉน
นี่ต่างศักดิ์รักนางจึงห่างไกล
จะเต้าไต่ก็งันงกกลัวตกจริง
เจ้าอยู่ทิพสถานพิมานมาศ
อันโอภาสสิมพลีมีทุกสิ่ง
อยู่ยอดงิ้วง้ำง่ามขามประวิง
แม้นต้องกิ่งก็ยิ่งทิ่มทะลวงใจ
จึงจำอดรสรักระทมทุกข์
ค่อยปั้นปลุกพิศวาสเมื่อชาติใหม่
ชาตินี้คลาดกันแล้วก็แล้วไป
ต่อภพหน้ายาใจคงใกล้ เอย ฯาะ