บทกวีนำเสนอเพื่อรำลึก ก้าวสู่ ๒๔ ปี ...สืบ นาคะเสถียรปืนแผดดัง ! กลางป่าน่าอนาถ สรรพสัตว์ตื่นแตกวิ่งแหวกข้าม เพื่อนร่วมป่า ร้องระงมล้มคะมำ ผู้กระทำ ! หามร่างเพื่อนเลือนหายไป ก่อนกินอยู่คู่ป่าสง่าสงบ ไม่เคยพบมนุษย์ สุดโหดร้าย บัดนี้ต้อง ย่องระวังระแวงไพร กลัวปืนไฟสาดใส่ร่าง ถูกย่างกิน ! มนุษย์หนึ่ง..พร้อมกล้องส่องดูสัตว์ หยิบกระดาษวาดจดบนโขดหิน คอยเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมป่าเป็นอาจินต์ ให้อยู่กินสิ้นภัย ไม่พักวาง ความลึกล้ำธรรมชาติและสัตว์ป่า ต่างพึ่งพาพึ่งกันอย่างสรรค์สร้าง ป่าอุ้มน้ำค้ำชู สัตว์อยู่ยัง ดูดฝนหลั่งพรั่งพรู ฟ้าสู่ดิน ใต้ผืนป่าห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้ำ ยังชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์ถิ่น ธรรมชาติ จัดแจงแบ่งสัตว์กิน สร้างสมดุลไม่สูญสิ้น ดินน้ำป่า ! มนุษย์โหดโฉดชั่วไม่กลัวบาป หน้าฉากฉาบ หลังฉากกลับ ไล่ขับฆ่า ถืออำนาจบาตรใหญ่ไร้เมตตา ย่ำยีป่า ลอบล่าสัตว์ลักตัดไม้ เสียงปืนดัง! ครั้งนั้นสะท้านก้อง ทั่วโลกมองห้วยขาแข้งแหล่งป่าใหญ่ ปลิดชีพตนหนทางสืบ..คืบสุดท้าย จุดประกาย..ได้เป็นมรดกโลกต่อมา ตำนานป่า..สืบ นาคะเสถียร เป็นบทเรียนให้ตื่นตัวกันทั่วหน้า เพื่อนร่วมโลกต้องปกปักและรักษา ป้องพิบัติ สัตว์และป่า..หน้าที่คน ถึงบทจาก ฝากไว้ให้ประจักษ์ นักอนุรักษ์..คนดีที่เปี่ยมล้น ปกป้องภัยให้ผืนป่า..กล้าปลิดตน ปลุกผองชนคนหวงป่า.. กล้าป้องไพร ! สืบเอย.. เจ้าจากไปไม่สูญเปล่า
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ด้วยความท้อแท้และผิดหวังที่สังคมไม่ใฝ่ใจอนุรักษ์ธรรมชาติ สืบจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย กลางคืนวันที่ 31 สิงหาคม 2533 สืบเขียนจดหมายหกฉบับ มีเนื้อหาลาตาย จัดการทรัพย์สิน อุทิศเครื่องมือเครื่องใช้ในการศึกษาวิจัยด้านสัตว์ป่าให้แก่สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ และสั่งให้ตั้งศาลเคารพดวงวิญญาณเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตในการรักษาป่าห้วยขาแข้ง ครั้นเช้ามืดวันที่ 1 กันยายน 2533 สืบสวดมนต์ไหว้พระเพื่อเตรียมใจ แล้วใช้อาวุธปืนยิงตนเองหนึ่งนัดถึงแก่ความตายในบ้านพักที่ห้วยขาแข้ง สองสัปดาห์ต่อมา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จึงประชุมกำหนดมาตรการป้องกันการบุกรุกป่าห้วยขาแข้ง ทั้งที่สืบได้พยายามขอให้ประชุมมาแล้วหลายครั้ง จึงมีผู้กล่าวว่า ถ้าไม่มีเสียงปืนในวันนั้น ก็ไม่มีการประชุมดังกล่าว....... ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐