29 ตุลาคม 2554 11:09 น.
ศรีสมภพ
ความปลี่ยนแปลงเป็นนิรันดร์
ทุกสิ่งนั้นย่อมผันเปลี่ยน
เกิดแล้วดับกลับวนเวียน
ใช่เสถียรทุกสถาน
ความแน่นอนไม่เที่ยงแท้
ความผันแปรสิแน่นาน
หลงยึดติดสนิทมั่น
ไหลตามธาร นั่นปลาตาย
โศกาย่อมมาสู่
เพราะไม่รู้หลงกูใหญ่
เงินตราซื้อหาได้
แม้แต่ใจวางขายเกลื่อน
ตีค่าราคาคน
ความรวยจนบนความเคลื่อน
ตัวแค่นิดแต่บิดเบือน
มองโลกเหมือนทาสเรือนเบี้ย
ลุกล้ำธรรมชาติ
ใช้เงินยัดกวาดซื้อเสีย
เกินตนจนล้นเรี่ย
โลกต้องเคลียร์ ! ส่วนเสียคืน
เตือนซ้ำๆ ย้ำหลายครั้ง
บ้านเรือนพังยังจะฝืน
ผยองกล้าหน้าตาชื่น
ที่เหยียบยืน ผืนของใคร ?
ขุด ถม ขวาง สร้าง กาง กั้น
เปลี่ยนพื้นผัน บั่นสลาย
สมดุลลด หดทลาย
แผ่นดินไหว น้ำไหลบ่า
กรุงเทพฯ ..เมืองสวรรค์
จมบาดาลกันถ้วนหน้า
อพยพหลบออกมา
หวาดผวาน้ำตานอง
จากบ้านจากย่านถิ่น
เคยอยู่กินสิ้นภัยผอง
น้ำ ไฟ ไร้ประครอง
ขนข้าวของต้องลาไกล
ตัวตน ต้องพึ่งตน
คนมันล้นเมืองมันใหญ่
เมืองสวรรค์มันจมหาย
นรกใหญ่ ใครจะอยู่ ?
ทำใจไม่ยึดติด
เปลี่ยนชีวิตด้วยจิตรู้
สุขทุกข์ บังกันอยู่
ไตร่ตรองดูจะรู้ธรรม !
ความเปลี่ยนแปลง ..เป็นนิรันดร์
ความแปรผันมันย้อนย้ำ
แผ่นพื้นเหมือนผืนน้ำ
โลกธรรม ..ต้องทำใจ !
..................................................................
โลกธรรม 8 หมายถึง ธรรมดาของโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลก
ที่ครอบงำสัตว์โลกและสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการประกอบด้วย
โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ พอใจของนุษย์ เป็นที่รักเป็นที่ปรารถนา คือ
1. ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้มาซึ่งทรัพย์
2. ยศ หมายความว่า ได้รับฐานันดรสูงขึ้น ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต
3. สรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ เป็นที่น่าพอใจ
4. สุข คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ความเบิกบาน บันเทิงใจเริงใจ
โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ความไม่พอใจของมนุษย์ ไม่เป็นที่ปรารถนา คือ
1. เสื่อมลาภ หมายความว่า เสียลาภไป ไม่อาจดำรงอยู่ได้
2. เสื่อมยศ หมายถึง ถูกลดอำนาจความเป็นใหญ่
3. นินทาว่าร้าย หมายถึง ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี ถูกติฉินนินทาหรือถูกกล่าวร้ายให้เสียหาย
4. ทุกข์ คือ ได้รับความทุกขเวทนา ทรมานกาย ทรมานใจ
26 ตุลาคม 2554 14:03 น.
ศรีสมภพ
คมน้ำ ! สุดคมถล่มล้าง
ทั่วทิศทางทะลุทะลวงทุกท่วงท่า
ใดใดกั้นกีดขวางทางลงมา
เหมือนทายท้าความคมถล่มทะลวง
ทิศทางธรรมชาติถูกปัดเปลี่ยน
มนุษย์เขียน ขีดเส้นน่าเป็นห่วง
ไม่คำนึงถึงความจริงสิ่งทั้งปวง
จึงก้าวล่วงบ่วงสัจธรรมนำภัยมา
ตัดไม้ ทำลายป่าน่าอนาถ
ล่วงล้ำ.. ธรรมชาติหวาดผวา
ขุดถมขวาง ทางน้ำไม่นำพา
เหมือนทายท้าธรรมชาติวิบัติภัย
แล้ววันหนึ่ง.. ก็ถึงซึ่งความสัจจ์
โลกข้องขัด อัดอั้นมิทานได้
ต้องสั่งสอนมนุษย์บ้างช่างเป็นไร
ให้รู้ไว้ใครรุกเข้า..โลกเอาคืน !
ฝนกระหน่ำน้ำท่วม อ่วมจมมิด
ทุกชีวิต ต่างหนีน้ำช้ำสุดฝืน
ไร้ผืนดินถิ่นฐานบ้านเหยียบยืน
สุดขัดขืนฝืนสู้ ..ผู้แค้นเคือง
หนีสงคราม น้ำบ่าไหลทลายถล่ม
บ้านเรือนล้มล่มแหลกแตกลอยเฟื่อง
โกลาหลบ่นลั่นกันทั้งเมือง
บ้างแค้นเคืองด่าฟ้าดินสิ้นยางอาย
มนุษย์เอ๋ย ! เคยไหมได้สำนึก
และรู้สึกตรึกตรองมองเห็นได้
มีชีวิตเป็นอยู่ แค่ผู้อาศัย
ทำตัวใหญ่ไม้รู้ดี ขี้บนหลังคา !
เจ้าของบ้าน สุดทานทนจึงบ่นบอก
คืบลามศอกบอกให้อย่าได้ช้า
รีบกลับตัวกลับใจ ใส่นำพา
โลกอ่อนล้าร้อนรน..เพราะคนทำ
คมน้ำ.. ที่สุดคมถล่มล้าง
เข้าหยุดยั้ง คมคน บนผืนน้ำ
คมกิเลส.. ทะลวงใจให้กระทำ
ทะลุน้ำถล่มพื้น.. ฝืนธรรมา !
บุเรงนอง..ของพม่าผู้กล้าแกร่ง
กษัตริย์แห่งนักรบกร้าน ตำนานกล้า
ผู้ชนะสิบทิศ พิชิตทุกครา
ดุจน้ำกล้าบ่าท่วมมิด..พิชิตคน
กั้นไม่ไหว สู้ก็พ่าย ..ไม่สำนึก
ต้องคิดลึก คิดให้เป็นเห็นเหตุผล
คมคนล้า คมน้ำกล้าบ่าท่วมท้น
สยบคนจนพ่ายแพ้ ..แก่คมน้ำ !
หนีภัยไปก่อน ..แล้วค่อยย้อนมาคิดกันใหม่นะ
โชคดีมีชัย โชคดีมีชัย...
26 ตุลาคม 2554 01:47 น.
ศรีสมภพ
อุทาหรณ์.. อุทกภัยที่ใหญ่ยิ่ง
คือความจริงที่ยิ่งใหญ่แห่งภัยร้าย
ไม่น่าเกิดมันก็เกิด เลยเถิดใหญ่
ไม่เคยเห็นก็เป็นได้ ให้สะท้าน
สุดหนักหนาสาหัส น้ำจัดหนัก
มันฉุกเฉินเกินจะผลักเกินจักต้าน
ต้องหนีน้ำที่ท่วมบ่าจ้าละหวั่น
ภัยมหันต์เหตุการณ์เปลี่ยนให้เรียนรู้
ความลำบากยากเข็ญเห็นถ้วนทุก
โลกธรรม แห่งความสุขทุกข์บังอยู่
บทเรียนหนัก จักจดจำนำเป็นครู
ว่าต้องสู้อยู่กับภัย ได้แน่นอน
น้ำท่วมบ่า น้ำตาหลั่งชีพยังไหว
อึด ฮึด สู้ ต้องอยู่ได้ใคร่ย้ำสอน
ประสบการณ์ครั้งนี้ มีบทตอน
ปัดภัยร้อน ผ่อนภัยหนักจักจดจำ !
อุทาหรณ์สอนใจ..ในครั้งนี้
หลายสิบปีที่บรรจบพบภัยน้ำ
เมื่อมันเกิดต้องเปิดใจในเคราะห์กรรม
อยู่กับน้ำ อยู่กับเขา ..อย่างเข้าใจ !
เขาใช่ใคร.. ในกายคือหนึ่งซึ่งธาตุทั้งสี่...
24 ตุลาคม 2554 08:28 น.
ศรีสมภพ
หญิงมั่นบัญชาการ อย่างห้าวหาญและกล้าแกร่ง
ตรวจพลทั่วหนแห่ง ออกแถลงอย่างแรงกล้า
ศึกใหญ่ในครั้งนี้ ทัพวารีมีหนักหนา
ถาโถมถล่มบ่า ล้อมพาราท้ารบนาง
หญิงไทยในกาลก่อน โบราณสอนย้อนหนหลัง
อรชรอ่อนเพียงร่าง แต่ใจนาง ช่างยิ่งใหญ่
รักชาติพระสวามี เอาชีพนี้พลีให้ใด้
องค์ศรีสุริโยทัย ! สู้แค่ตาย ด้วยใจกล้า
ท้าวเทพสตรี-ศรีสุนทร ! สองงามงอนอ่อนชันษา
กำดาบปราบพม่า อหังการ์ ยิ่งกว่าชาย
ย่าโม ! เมืองโคราช ชาญฉลาดลวงศึกใหญ่
ยอมทนแฝงกลใน ชนะภัย ได้เมืองคืน
ศึกใหญ่แค่ไหนหนา แม่หญิงกล้าท่าแข็งขืน
เปลยังไกวใจไม่ตื่น แกว่งดาบยื่น ยังชื่นหน้า
ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เคลื่อนพลหนักผลักท่วมบ่า
ตีทัพ ตั้งรับหน้า เหนือกลางมา จนปราชัย
เมืองหลวงแม้ห่วงนัก แม่หญิงลักษณ์ จักต้านได้
หัวชนฝาฝ่าอุทกภัย แม่ทัพใหญ่ อย่าได้ช้า
หญิงมั่นบัญชาการ ต้องห้าวหาญประจันหน้า
หวั่นกลัวทั่วพารา หวังหญิงกล้า ..จะคว้าชัย !
ใจนางช่างเกินร้อย ..ต้องคอยดู จะรู้กัน !
23 ตุลาคม 2554 01:53 น.
ศรีสมภพ
ปิยะมหาราช กษัตรา..สง่าศักดิ์
น้อมตระหนักสักการะ พระองค์ท่าน
ผู้ทรงคุณ บุญสยามนามตระการ
รำลึกผ่าน พานพุ่มงามอัมรินทร์
พระมหากรุณา ดุจฟ้าใหญ่
กอบกู้ไทยให้คงอยู่มิรู้สิ้น
สวรรคต สลดทั่ว ทั้งแผ่นดิน
องค์ภูมินทร์ สิ้นไป คล้ายวันนี้
พระราชกรณียกิจประสิทธิ์ประสาท
ชาญฉลาดลึกล้ำนำวิถี
เจริญรุ่งจรุงเมืองเฟื่องธานี
ทบทวี มีเทียมทัด ชาติพัฒนา
ทรงให้ทาส เป็นไทในครั้งนั้น
เพื่อสร้างสรรค์ การปกครองมองก้าวหน้า
ประพาสต้น เพื่อยลเหล่าชาวประชา
พระสมัญญา ปิยมหาราช
พระบรมรูปทรงม้า..สง่าสยาม
น่าเกรงขาม คร้ามในองค์ทรงเด่นชัด
ขอสถิตใน มไหศวรรย์นิรันดร์สวัสดิ์
ไทยทั้งชาติ รำลึกพระองค์..จงรักภักดี
..............................................................
ขอเดชะ..มหาบารมีจักรีกษัตริย์
โปรดเป่าปัดพิบัติภัยครั้งใหญ่หลวง
ที่ถาโถมถล่มใส่ทั่วไทยปวง
ให้ลับล่วงหดหาย ในบัดดล !
กราบไหว้วอน..พระสยามเทวาธิราช
ทรงอำนาจกวาดมหาภัยที่ไหลล้น
คุ้มครองไทยให้เปี่ยมสุขทุกทั่วคน
พิบัติภัยจงผ่านพ้น..จนชั่วกาล !