22 ธันวาคม 2549 10:17 น.

เรื่องลี้ลับ...จากศรรกรา (เรื่อง วิญญาณเด็กร้องหา.....)

ศรรกรา

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ  5 - 6 ปีก่อน  เหตุการณ์เกิดที่บ้านของยายศรรกเอง  ขณะนั้นท่านป่วยหนักด้วยโรคชรา  ซึ่งท่านต้องนอนที่บนเตียง  มีอาการทรุดบ้างทรงบ้างเป็นธรรมดา  จนกระทั่งท่านป่วยหนัก และเพ้อส่งเสียเรียกบุตรสาว  (เป็นน้าสาวของศรรกเอง)  ว่า  "ช่วยไปบอกพ่อแม่ของเด็กที  มันร้องไห้เรียกพ่อแม่มัน  หนวกหูมากไปเรียกให้มันที"  น้าสาวแปลกใจ  เพราะว่าในระแวกนี้ไม่มีเด็กเล็ก ๆ อยู่เลยสักคน  น้าสาวคิดว่ายายคงเพ้อหนักก็เลยไม่ใส่ใจอะไร  แต่ก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้ญาติพี่น้องได้รับรู้  จนกระทั่งยายเสียชีวิตลง  ก็จัดพิธีตามประเพณี  ศพของยายจะเก็บก่อน  100  วัน  แล้วค่อยเผา  สัปเหร่อเอาศพของยายเก็บไว้ในช่องที่เก็บศพในวัด  ซึ่งจะมีช่องเก็บศพอยู่ประมาณ  10  ช่อง  ยายอยู่ประมาณช่องที่  2 หรือ  3  จำไม่ค่อยได้  แต่สิ่งที่แปลกที่สุด  ช่องเก็บศพที่อยู่ข้าง ๆ ช่องเก็บศพของยาย  เป็นที่เก็บศพของเด็ก ๆ ประมาณ  2 - 3 คน ได้  เพราะสัปเหร่อเปิดออกมาให้ดู  มีของเล่น  มีขวดนม อยู่ในนั้นด้วย  ทำให้พวกเราแปลกใจกับคำพูดที่ยายได้พูดที่เราเข้าใจว่าท่านเพ้อ  พวกเราถามสัปเหร่อว่า  "เด็กพวกนี้ตายเพราะอะไร"    สัปเหร่อเล่าว่า  "เด็กพวกนี้ตายมานานแล้ว  คิดว่าน่าจะท้องร่วงตาย   พ่อแม่ก็ไม่เคยมาหา"  และพวกเราก็ถามต่อว่า  "และทำไมไม่เผาเด็กพวกนี้"  เขาก็บอกว่า  "เผาไม่ได้  เพราะเด็กยังไม่เคยทำบาป  ยังรักษาศีลครบบริบูรณ์"  เราถามต่ออีกว่า  "เคยเห็นวิญญาณของเด็กพวกนี้เหรอเปล่า"  "เคยเห็นวิ่งเล่นอยู่แถวนี้แหละ  แต่ชินแล้ว"  
                  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก  เป็นไปได้ไหมที่เด็กพวกนี้ส่งเสียงร้องไห้ก่อนที่คุณยายจะเสีย  และคุณล่ะคิดว่าอย่างไร ?				
7 ธันวาคม 2549 09:39 น.

ดวงใจของพ่อ ตอนที่ 1

ศรรกรา

เฮ้ย !  ยัยมินท์นั่นใคร  เด็กสาวหันเห็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบแต่งตัวปอน ๆ มองเธออยู่     อ๋อ...คนขับรถ ไม่ต้องสนใจหรอก     เค้าคงมารับแกกลับบ้านหรือเปล่า      เฮ้อ..น่ารำคาญ  เออ..แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ    เด็กสาววิ่งไปหาชายหนุ่ม  เธอหันซ้ายหันขวาก่อนจะกระซิบเบา ๆ      นี่...พ่อคราวหน้าไม่ต้องมาหาหนูที่โรงเรียนอีกนะหนูกลับบ้านเองได้  แต่มันไกลนะลูก  หนูต้องนั่งรถตั้งหลายต่อ  พ่อเป็นห่วง  บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ  หนูโตแล้วนะ  เด็กสาวตวาดโดยไม่สนใจความรู้สึกของพ่อ  มินท์เป็นเด็กผู้หญิงที่จัดว่าหน้าตาน่ารัก และเป็นนักเรียนเรียนดีที่โรงเรียนเอกชนที่มีชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพ   เพื่อนของเธอจัดอยู่ในกลุ่มลูกหลานคนมีเงินหรือมีชื่อเสียง  เธอจะโกหกว่าพ่อของเธอเป็นนักธุรกิจทำงานอยู่ต่างประเทศทั้งที่ความจริงเขาก็เป็นแค่คนกวาดถนนเท่านั้นเอง  การที่พ่อมาหาเธอวันนี้  ทำให้เธอกลัวว่าความจริงที่เธอปกปิดมาตลอดจะถูกเผยความจริงออกมา   
		นายกลศจำต้องเลี้ยงมินท์ลูกสาวคนเดียวของเขา  เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอเพราะเห็นว่าเธออาภัพ  ภรรยาของเขาเสียชีวิตหลังจากให้กำเนิดลูกสาวคนนี้  และเขาก็ไม่คิดจะมีภรรยาใหม่เพราะกลัวจะมีปัญหากับเธอ  ด้วยค่าแรงขั้นต่ำที่เขาได้มาเพื่อส่งเสียบุตรสาวให้ได้เรียนโรงเรียนที่มีชื่อเพราะเชื่อว่าจะทำให้เธอมีอนาคตที่สดใสไม่ลำบากเหมือนเขาทำให้เขาลำบากไม่น้อย  หลายครั้งที่เขาต้องหยิบยืมเพื่อนเพื่อให้ลูกสาวทำกิจกรรมในโรงเรียนที่มักจะมีบ่อยครั้งในโรงเรียนทั้งงานกีฬาสี งานปีใหม่  จิปาถะ  ข้าว่าเฮ็งให้ลูกเอ็งเรียนโรงเรียนวัดไม่ดีกว่ารึ ไม่ได้หรอก....ข้าอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนดี ๆมากกว่า  เขามักจะพูดอย่างนี้เมื่อเพื่อน ๆ บอกเขา
		พ่อ...หนูอยากได้คอม ฯ    เด็กสาวบอกเขาหลังจากทานข้าวเย็นร่วมกัน   มันแพงไม่ใช่เหรอหนู   มันก็แค่สองสามหมื่นเองนะพ่อ  เธอพูดเหมือนมันเป็นเศษเงินไม่กี่บาท  แต่สำหรับเขาอย่าว่าแต่เงินหมื่นเลยแม้แต่เงินเป็นพันที่เขายังคงเป็นหนี้ค้างบรรดาเจ้าหนี้  เขายังไม่มีปัญญาใช้คืนเลย  หนูต้องใช้มันพิมพ์รายงานให้อาจารย์  หนูขี้เกียจใช้ของโรงเรียน  มันต้องต่อคิว  เด็กหญิงอ้างเหตุผล  เมื่อเขาฟังเหตุผลของบุตรสาวเขาจำต้องตอบรับด้วยไม่อยากให้ลูกมีปัญหาเรื่องการเรียน
		เถ้าแก่ช่วยตีราคามอเตอร์ไซค์ผมหน่อยว่ามันได้เท่าไหร่  ชายหนุ่มเข็นมอเตอร์ไซค์คนโปรดที่เขามักใช้มันขี่ไปทำงาน  นับแต่วันนี้เขาคงต้องอาศัยรถประจำทางไปทำงาน  และเขาก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญาซื้อรถมาใช้ได้อีกหรือไม่   จากสภาพอั๊วให้เก้าพัน  เก้าพัน...เถ้าแก่เพิ่มหน่อยได้ไหมครับ  มันยังวิ่งดีนะ  ไม่ได้  มันเก่ามากอั๊วให้ลื้อได้เท่านี้  ถ้าไม่เอาไม่เป็นไร  เขาจำต้องรับเงินเก้าพัน  มันยังขาดอีกหลายพันทีเดียวกว่าจะซื้อคอมพิวเตอร์ได้  เขาจำต้องหาหยิบยื่นเพื่อนฝูงอีกครั้งกว่าจะรวบรวมเงินที่เขาคิดว่าพอจะซื้อมันได้  
วันนี้เขาจะต้องไปหาลูกแต่เช้า  เพื่อเอาเงินที่เขาหามาได้นำไปให้ลูก  เฮ้ย....คนขับรถบ้านแกมาอีกแล้วว่ะ  เพื่อนตะโกนบอกเด็กสาว  ทำให้เท้าที่จะก้าวมาหาบุตรสาวต้องหยุดชะงัก  นี่ลูกสาวบอกกับเพื่อนว่าเขาเป็นคนขับรถอย่างนั่นหรือ  เขากำเงินจำนวนสองมือยื่นส่งให้เด็กสาว  เอ่อ...พ่อ....คุณพ่อฝากเอาเงินมาให้  เขาก้มหน้าบอกบุตรสาว  เธอรับเงินทันทีไม่มีเสียงคำว่าขอบคุณหลุดจากปากสักคำ กลับบ้านไปเลย  เดี๋ยวหนูกลับบ้านเอง  เด็กสาวบอก  เมื่อกลศมีความรู้สึกว่าปวดหัว  เขาคิดว่าคงเกิดจากอาการเครียด  แต่พอเขาจะเข้าบ้านชายหนุ่มก็เป็นลมหมดสติ  เพื่อนบ้านต้องช่วยกันพาเขาส่งโรงพยาบาล   คุณกลศ....คุณเป็นโรคเนื้องอกในสมอง  หมอว่าคุณต้องผ่าตัดด่วน  ไม่งั้น   เมื่อได้ยินว่าผ่าตัดสมองทำให้เขารู้ว่าค่าใช้จ่ายมันสูงแน่  เขาคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าผ่าตัดที่แพงลิบลิวแน่  ถ้าไม่ผ่าตัด   ผมจะอยู่ได้ประมาณเท่าไหร่ครับ   มันก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของคุณด้วย  หมอไม่กล้ารับรอง				
6 ธันวาคม 2549 09:06 น.

นิยายอ่านจบแล้วช่วยกันตั้งชื่อเรื่องด้วยนะคะ ตอนจบ

ศรรกรา

สวัสดีจ๊ะฝุ่น  แล้วไผ่ล่ะ  หญิงสาวเอ่ยทักเมื่อเหลียวมองดูเห็นว่าชายหนุ่มมาตามลำพัง  แทนคำตอบชายหนุ่มยื่นจดหมายของกอไผ่ให้หล่อน  หญิงสาวทำหน้าสงสัยก่อนจะคลี่จดหมายออกมาอ่าน  เมื่ออ่านจบหญิงสาวก็ยังถามถึงเด็กสาวอีก  แล้วไผ่ล่ะ  ไผ่เสียแล้ว  หลังจากที่ผมพาคุณไปโรงพยาบาล  คือไผ่พยายามขี่รถตามรถของผมและเกิดอุบัติเหตุ หญิงสาวตกใจถึงแม้ตลอดเวลาเด็กสาวมีทีท่าว่าไม่ชอบหล่อน  แต่ระยะหลัง ๆ เธอก็ดีกับหล่อนมากด้วยเหตุผลที่หล่อนทราบจากจดหมาย คือ...ฉันต้องการไปงานของไผ่ได้ไหมคะ  หญิงสาวขอร้อง  ได้...หมอบอกว่าคุณออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว  เดี๋ยวเราไปวัดกันเลยละกัน  บรรยากาศในวัดช่างโศกเศร้า  มีแขกมาในงานไม่มากนัก  ส่วนใหญ่ก็จะเป็นญาติของนางจันทร์ซึ่งมีไม่มาก  ปานชนกไม่สามารถอยู่ช่วยงานศพของเด็กสาวได้  เพราะญาติของหล่อนมารับกลับหลังจากได้ทราบข่าวการเจ็บป่วยของหล่อน

สวัสดีน้องไผ่
                        ไปรษณีย์ใบนี้เป็นใบแรกและเป็นใบสุดท้ายที่พี่มีโอกาสได้เขียนถึงไผ่  ซึ่งพี่คิดว่าไผ่ก็คงต้องการสิ่งนี้จากพี่มากที่สุด  ถึงแม้ว่าพี่ไม่รู้ว่าไผ่ได้รับไปรษณีย์ใบนี้เหรอเปล่า  แต่พี่ก็หวังว่าไผ่คงได้รับรู้ว่าพี่เสียใจมากที่ไม่รู้เรื่องไผ่มาก่อนหน้านี้  และหากย้อนกลับไปได้พี่ก็คงจะพยายามทำความเข้าไผ่ให้มากกว่านี้  พี่ขอบคุณไผ่มากสำหรับกำลังใจที่ไผ่มีให้พี่มาโดยตลอด   และพี่จะจดจำความปรารถนาดีที่ไผ่มีให้กับพี่ถึงแม้ว่าไผ่จะไม่อยู่ในโลกนี้แล้วก็ตาม  แต่สำหรับพี่ไผ่ก็ยังอยู่ในใจของพี่เสมอ  ยังเป็นน้องที่น่ารักของพี่ตลอดไป 
                                              รักและอาลัย
                                                   ไต้ฝุ่น


	ไต้ฝุ่นนำไปรษณีย์ที่เขาเขียนหย่อนใส่ลงในโลงศพที่มีร่างที่สงบนิ่งของเด็กสาว  ก่อนที่จะเลื่อนโลงเข้าไปในเมรุเพื่อทำการเผา   สายตาสองคู่เงยมองดูควันสีขาวที่ค่อย ๆ ลอยพ้นปล่องไฟสูงขึ้นเรื่อยๆ  ร่างของเด็กสาวถูกเผาไปกับกองไฟจนมอดไหม่  คงเหลือทิ้งไว้แต่ความโศกเศร้า   ภาพชายหนุ่มและหญิงชราต่างมองควันสีขาวค่อย ๆ จางลง  ต่างคนต่างก็ภาวนาขอให้เด็กสาวไปสู่สุคติอย่างมีความสุข				
6 ธันวาคม 2549 09:02 น.

นิยายอ่านจบแล้วช่วยกันตั้งชื่อเรื่องหน่อยนะคะ ตอนที่ 7

ศรรกรา

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล  ปานชนกก็ถูกนำตัวส่งเข้า ไอซียู  ทันที  เขามีความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้หญิงสาวอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพังจนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้  เขาไม่เคยคิดเลยว่ากอไผ่จะมีนิสัยที่โหดร้ายได้ถึงเพียงนี้  เพราะตลอดเวลาที่เขารู้จักกับเด็กสาว  เธอเป็นเด็กที่น่ารัก  ร่าเริง  และมีน้ำใจ  แต่นับตั้งแต่ปานชนกมาอยู่ที่นี่  มันมีอะไรบางอย่างทำให้เด็กสาวไม่พอใจในตัวหญิงสาว  เขาครุ่นคิดอยู่หน้าห้อง ไอซียู  อยู่นาน  จนกระทั่งแพทย์เดินออกมา  เขาจึงสอบถามอาการของหญิงสาว  คุณหมอเธอเป็นไงบ้างครับ  เธอปลอดภัยแล้วครับ  แต่.....  ชายหนุ่มเห็นอากัปกิริยาของแพทย์ที่ทำการรักษา  ทำให้เขารีบเขาไปเขย่าแขนโดยไม่ทันรู้ตัว  ผมไม่สามารถรักษาเด็กในครรภ์ได้ครับ  เธอแท้ง   เมื่อสิ้นประโยคชายหนุ่มแทบผงะ  เขาไม่เคยรู้เลยว่าหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์  แล้วยังงี้เขาจะทำยังไงต่อไปดี  กอไผ่ไม่น่าทำกับหล่อนได้เพียงนี้
	ฝุ่นคงรู้แล้วสิว่าข้าวเออ....ข้าว  ใช่....ผมรู้แล้ว  โต้งใช่ไหม  หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ  แน่นอนว่าต้องเป็นนายโต้งแน่  เพราะปานชนกไม่ใช่ผู้หญิงที่เหลวไหลอะไร  เขาคงไม่ซักถามอะไรอีกเพราะเขาคิดว่าหล่อนก็คงไม่อยากจะพูดถึงรื่องนี้  ผมต้องขอโทษแทนน้องไผ่ด้วยนะ   หล่อนมีสีหน้าสงสัย  ทำไมต้องขอโทษข้าวด้วย  ไผ่ทำอะไร  ก็ไผ่เป็นคนผลักคุณไม่ใช่เหรอ  หญิงสาวย้อนคิดถึงเหตุการณ์  ไม่นะ  ข้าวเดินสะดุดหินล้มลงไปเอง  ทำไมคุณคิดว่าไผ่จะแกล้งข้าวละ  ชายหนุ่มไม่ตอบและคิดว่าหญิงสาวคงพูดปกป้องกอไผ่อย่างแน่นอน  แต่เขาคิดว่ายังไงเขาก็จะหาความจริงในตัวเด็กสาวให้ได้  
	ชายหนุ่มเฝ้าดูแลหญิงสาวสักพักก็ขอตัวกลับ  เขาไปหากอไผ่แต่เห็นนางจันทร์กำลังลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก  สวัสดีค่ะคุณฝุ่น มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ผมจะมาหาไผ่ฮะป้า  ชายหนุ่มเป็นนางจันทร์ซับน้ำตาจึงคิดว่ามันต้องมีเรื่องอะไรร้ายแรงอย่างแน่นอน  เกิดอะไรเกิดฮะ  ยัยไผ่มันขี่รถชน  ตอนนี้มันอยู่โรงพยาบาล   เขาจึงอาสาพาหญิงชราไปส่งโรงพยาบาล  ซึ่งเมื่อมาถึงขณะนั้นเด็กสาวถูกส่งตัวเข้าห้อง ไอซียู  เรียบร้อยแล้ว  วันนี้ทำไมมีเหตุการณ์วุ่นวายเสียเหลือเกิน  เขาต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลสองสามครั้ง  ชายหนุ่มสอบถามว่าเหตุการณ์ถึงทราบว่า  กอไผ่พยายามขี่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อให้ทันกับรถของเขา  จึงทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก  ห้อง ไอซียู เปิดออกมาพร้อมกับนายแพทย์ที่ทำการรักษา  ทั้งคู่เดินกรูเข้ามาและถามเกือบจะพร้อมกัน  ไผ่เป็นยังไงบ้างคะ (ครับ) หมอ  นายแพทย์มีสีหน้าไม่ดีนัก  ตอนนี้เธอยังไม่พ้นขีดอันตรายครับ  ศีรษะของเธอได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก  โอกาสคงจะไม่ถึง  20  เปอร์เซ็นต์  สิ้นคำของนายแพทย์ร่างของนางจันทร์ทรุบฮวบลงกับพื้น  ทำให้นางพยาบาลต้องช่วยกันปฐมพยาบาล  เมื่อฟื้นขึ้นมานางก็ได้แต่ร่ำไห้จนเขาต้องคอยปลอบหญิงชรา  แพทย์ไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้  ดังนั้นทั้งสองจึงจำเป็นต้องกลับบ้านไปก่อน  
                                  คุณฝุ่น..รอน้าแป๊ปนึง  น้ามีของจะมาให้คุณ  นางจันทร์บอกให้เขารอ  เมื่อเขาขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน  สักพักนางก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องใบหนึ่งยื่นส่งให้เขา  นี่ของยัยไผ่  น้าว่าคุณเก็บไว้เถอะ  คิดว่ายัยไผ่ก็คงอยากให้คุณ  เมื่อชายหนุ่มเปิดกล่องออกมาก็เห็นไปรษณีย์หลายใบอยู่ข้างใน  ซึ่งล้วนจ่าหน้าถึงชื่อกอไผ่  แต่สิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือ ไปรษณีย์เหล่านี้ไม่มีข้อความใด ๆ ทั้งสิ่ง  แต่มีชื่อผู้ส่งไปรษณีย์ซึ่งก็คือเขา  ทั้ง ๆที่เขาเองก็ไม่เคยเขียนไปรษณีย์เหล่านี้มาก่อนเลย  เขาพิจารณาลายมือที่เขียนเขาจึงรู้ว่า  เด็กสาวที่มีชื่อว่ากันย์ก็คือคน ๆ เดียวกับกอไผ่นั่นเอง  เขาไม่รู้เลยว่ากำลังใจที่เขาได้มาตลอดนั่นก็มาจากกอไผ่มาโดยตลอด  เพราะเขาเห็นว่าเด็กสาวไม่เคยมีทีท่าผิดปรกติอะไรในเวลาที่อยู่กับเขาตามลำพัง   เขาคิดว่าการที่เด็กสาวจ่าหน้าซองของตัวเองโดยใช้ชื่อตัวเองเป็นผู้ส่งก็อาจเป็นเพราะความในใจของเธออาจต้องการให้เขาเขียนตอบกลับก็เป็นได้  ไต้ฝุ่นดูไปรษณีย์ทุกแผ่นจนกระทั่งเขาเห็นจดหมายหนึ่งฉบับจึงคลี่ออกมาอ่าน  ใจความในจดหมายทำให้เขารู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  กอไผ่ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นเลย  เพียงแต่เธอต้องการชดเชยความผิดที่พี่ชายได้ทำกับปานชนก  เขาเพิ่งรู้ว่านายโต้งคือพี่ชายของเด็กสาว  เพราะตลอดเวลาที่เขามาที่นี่เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มเลย  มีเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น  นางจันทร์วิ่งไปรับโทรศัพท์และทราบว่ากอไผ่เสียชีวิตลง  ทั้ง ๆ ที่เขาทั้งสองเพิ่งกลับมาถึงมาไม่นานนัก  หญิงชราเสียใจอย่างหนักแต่ชายหนุ่มก็ทำได้แค่เพียงปลอบใจเท่านั้นเอง				
4 ธันวาคม 2549 08:54 น.

นิยายอ่านจบแล้วช่วยกันตั้งชื่อเรื่องด้วยนะคะ ตอนที่ 6

ศรรกรา

เด็กสาวตกตะลึง  และบรรจงพับจดหมายใส่ซอง  และเก็บของทุกอย่างให้อยู่ในสภาพปรกติ  ความตั้งใจที่จะแกล้งหญิงสาวสิ้นสุดลง  เธอไม่เคยคิดเลยว่าพี่ชายของเธอช่างโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้  เด็กสาวมีความสงสารหญิงสาวขึ้นมาจับใจ  การที่หล่อนมาแบบนี้นั่นก็หมายความว่าหล่อนไม่ต้องการให้ใครทราบเรื่องนี้  และเธอก็คิดว่าไต้ฝุ่นคงไม่รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน  เด็กสาวจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตามความต้องการของหญิงสาว  เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปรกติก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
	น้องไผ่มากินของว่างกับพี่มา....  ปานชนกชวนเด็กสาวให้ร่วมรับประทานของว่างด้วยกัน  กอไผ่นั่งลงโดยพยายามไม่สบตาหญิงสาว  เพราะกลัวว่าหล่อนจะรู้ว่าเธอได้รับรู้ความลับของหล่อนเข้า  เด็กสาวก้มหน้าก้มตาลงมือกับของว่างตรงหน้าซึ่งชายหนุ่มสังเกตมาโดยตลอดแต่ไม่เอ่ยถามอะไร  เออ....พี่ฝุ่น...พี่ข้าว  ไผ่ขอตัวกลับก็ดีกว่า  ไผ่ลืมไปว่าแม่สั่งให้ไปซื้อของที่ตลาด  ป่านนี้คงบ่นถึงแล้วล่ะ  ไม่เป็นไร  ไปเถอะจ๊ะ  หล่อนกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  และในขณะที่เธอรุกรี้รุกรนลุกขึ้นยืน  ก็มีของบางสิ่งที่หล่นจากกระเป๋าโดยที่เด็กสาวไม่ทันได้รู้ตัว  จะมีแต่ชายหนุ่มเท่านั้นที่เห็นว่านั่นคืองูปลอมซึ่งเขารู้ได้ทันทีว่าต้องนำมาใช้แกล้งปานชนกอย่างแน่นอน  ชายหนุ่มโกรธเด็กสาวเป็นอย่างมากที่ไม่ลดละที่จะกลั่นแกล้งหญิงสาว  เขาก้มตัวลงเก็บโดยที่ไม่ให้หล่อนรู้  
	เมื่อกลับมาถึงบ้าน  กอไผ่ก็มุ่งตรงไปที่โต๊ะเขียนหนังสือที่เธอมักใช้ประจำเวลาเขียนไปรษณีย์ที่ชายหนุ่ม  เธอหยิบกระดาษจดหมายและเขียนระบายความในใจออกมารวมถึงความลับของหญิงสาวด้วยไม่งั้นเธอก็คงอึดอัดใจไม่น้อย  หลังจากที่เขียนเสร็จเธอค่อย ๆ บรรจงพับจดหมายและใส่ไว้ในกล่องที่ภายในบรรจุไปรษณีย์อยู่หลายใบ  เด็กสาวเสียใจไม่น้อยที่กลั่นแกล้งหญิงสาวไว้มากมาย  ถ้าหากเธอรู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ทำอย่างแน่นอน  จะว่าไปปานชนกก็คือพี่สะใภ้และเป็นแม่ของหลานเธอนั่นแหละ  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามทำเนียมก็ตาม  เธอตั้งปฏิธานว่าจะไม่รังแกหญิงสาวอีกต่อไป  และจะทำทุกอย่างให้หญิงสาวมีความสุข อย่างน้อยก็อาจจะชำระบาปของพี่ชายของเธอที่ทำกับหล่อนไว้
	พี่ข้าวอยู่มั้ย..... เด็กสาวตะโกนจากหน้าบ้าน  หญิงสาวเดินมาเปิดประตูและส่งยิ้มเหมือนเช่นเคย  ว่าไงจ๊ะ  หนูจะชวนพี่ไปชมทุ่งทานตะวัน  ตอนเนี้ยกำลังบานสวยน่าดูเลย  เด็กสาวยื่นดอกทานตะวันที่ถือติดมือมาให้หญิงสาว  เออดีเหมือนกัน  เพราะพี่อยู่บ้านคนเดียว  พี่ฝุ่นเค้าไปทำธุระข้างนอก  กว่าจะกลับก็คงเย็น  เดี๋ยวขอเวลาที่แป๊ปนึง  พี่จะไปเปลี่ยนชุดและโน้ตทิ้งไว้ให้พี่ฝุ่นจะได้ไม่เป็นห่วง  ว่าแล้วหล่อนก็หายเข้าไปในบ้านสักพักก็กลับมาพร้อมกับชุดใหม่ที่เหมาะกับการไปนอกบ้าน  
	ดอกทานตะวันบางสะพรั่งเต็มท้องทุ่งดูช่างเหลืองอร่ามไปหมด  ลำต้นของมันสูงเกือบจะเท่าส่วนสูงของหญิงสาว  หล่อนไม่เคยเห็นต้นทานตะวันของจริงสักที  ได้เห็นเพียงแค่รูปภาพเท่านั้น  ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเห็นจึงตื่นเต้นกับภาพตรงหน้า  หล่อนเดินชื่นชมดอกโน้นทีดอกนี้ทีอย่างหลงใหล  ทำให้เด็กสาวมีความสุขกับการที่ทำให้หล่อนมีความสุขเล็ก ๆน้อย ๆ  เพื่อชดเชยความผิดที่ได้กระทำไป  หญิงสาวเดินชมทุ่งทานตะวันอย่างเพลิดเพลินจนไม่ได้สังเกตว่ามีก้อนหินใหญ่ขวางทางที่หล่อนเดิน  ทำให้หล่อนสะดุดล้มลง  เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มตามหญิงสาวมาตามที่หล่อนได้เขียนโน้ตไว้
	ภาพของปานชนกที่ล้มลงหมดสติ  โดยมีกอไผ่ยืนดูหญิงสาวด้วยอาการตกตะลึง  ขาของหญิงสาวมีเลือดไหลโผล่พ้นชายกระโปรง  ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวทันใด  ชายหนุ่มมองเด็กสาวด้วยความโกรธเป็นอย่างมากเพราะเข้าใจว่าต้องเป็นฝีมือของเธออย่างแน่นอน  ทำเกินไปแล้วนะไผ่  ชายหนุ่มพูดตะคอกเด็กสาวก่อนที่จะอุ้มหญิงสาวออกไปโดยไม่รอคำแก้ต่างของเธอ  กอไผ่มีอาการตกตะลึง  เธอก็เสียใจไม่น้อยที่ชวนหญิงสาวมาที่นี่แต่กลับได้รับอันตราย  ไต้ฝุ่นคงโกรธเธอไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยความเข้าใจผิด  เด็กสาวรีบวิ่งตามไปแต่ไม่ทันเพราะชายหนุ่มนำร่างของปานชนกขึ้นรถมุ่งสู่โรงพยาบาลทันที  เด็กสาวจำต้องขี่มอเตอร์ไซค์ที่เธอนำพาเป็นพาหนะในการมาที่นี่ขับตามไปอย่างรวดเร็ว  เธอขี่มอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็วเพื่อจะให้ทันรถของชายหนุ่ม  น้ำตาคลอเต็มสองตา  หลายครั้งที่เธอเช็ดมันเพื่อไม่ให้มันไหลอาบแก้ม   จังหวะที่เธอเช็ดน้ำตาทำให้มือที่จับแฮนด์รถเสียการทรงตัวจนเธอต้องบังคับการทรงตัวใหม่หลายครั้ง  เธอพยายามจะไม่ร้องไห้    แต่น้ำตาก็ยังคลออยู่นั่นเอง  ภาพที่พร่ามัวทำให้เด็กสาวไม่ทันได้เห็นรถบรรทุกวิ่งโผล่พ้นแยกที่เธอกำลังวิ่งตรงมา  ทำให้รถของเธอวิ่งชนรถเข้าอย่างจัง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟศรรกรา
Lovings  ศรรกรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟศรรกรา
Lovings  ศรรกรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟศรรกรา
Lovings  ศรรกรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงศรรกรา