25 พฤศจิกายน 2549 12:29 น.
ศรรกรา
บอกได้ไงว่าอย่าให้ฉันถือโทษ
อย่าเคืองโกรธอะไรกันเลยหนา
สารภาพว่าทำผิดตลอดมา
ถามหน่อยว่าหน้าเธอทำจากอะไร
ปากก็พร่ำคำรักว่ารักยิ่ง
ยอมสละแล้วทุกสิ่งจริงจริงได้
กลับพลิกลิ้นปริ้นปร้อนแอบมีใคร
ถามได้ไหมไม่อายใจบ้างเหรอเธอ
ยังมีหน้าปลอบว่าอย่าร้องไห้
ขอได้โปรดไสหัวไปอย่าเสนอ
ฉันไม่ใช่นางเอกหรอกนะเธอ
ถ้าสะเออะให้เจอหน้าอย่าว่ากัน
25 พฤศจิกายน 2549 09:22 น.
ศรรกรา
เราเกิดมา เป็นไทย ภูมิใจนัก
เอกลักษณ์ ความเป็นไทย มีให้เห็น
ทั้งภาษา อ่านพูด ไทยรู้เป็น
มีให้เด่น เป็นชาติ น่าภูมิใจ
ทั้งเรายัง รู้ซึ้ง ซึ่งเอกราช
ให้พวกเรา องอาจ กว่าชาติไหน
เพราะวีรชน ของเรา ทั้งหญิงชาย
ยอมพลีได้ แม้แต่ชีพ เพื่อถิ่นตน
ทั้งพระเจ้า ตากสิน มหาราช
ที่องอาจ กู้ชาติ ในครั้งหน
สุริโยทัย วีรสตรี ของปวงชน
มิถอยร่น ชนชาติ จนชีพวาย
และรวมแม้ แต่ชาวบ้าน เมื่อครานั้น
บางระจัน และสุพรรณ ศึกยิ่งใหญ่
จับขอเคียว จอบเสียมสู้เ กู้ถิ่นไทย
มิยอมให้ ใครเหยียบ ย่ำ ล้ำได้เลย
เมื่อถึงยาม ศึกสงบ ใช่อยู่นิ่ง
ทำทุกสิ่ง เพื่อชาติได้ มิอยู่เฉย
ฝึกซ้อมดาบ อาวุธ ไม่ละเลย
ทั้งไม่เคย คิดคด ต่อแผ่นดิน
จวบกระทั่ง ถึงสมัย เก้ารัชกาล
มีภูบาล ยิ่งใหญ่ กว่าใดสิ้น
องค์ในหลวง ของปวงชน เหล่าธานินทร์
ก็ยังทรง พัฒนาถิ่น ให้ก้าวไกล
และเพลงชาติ เกิดขึ้น ในยุคนี้
เพื่อให้มี ความต่าง จากชาติไหน
พระเจนดุริ- ยางค์แต่งเนื้อร้อง เพื่อคนไทย
ทำนองได้ สารานุประพันธ์ สร้างทำนอง
วันเวลา เนานาน ถึงกาลนี้
เราได้มี เพลงชาติไทย ได้ร่ำร้อง
เพลงชาติไทย ดังทั่วถิ่น แผ่นดินทอง
เหมือนปลุกผอง วีรชน ให้ปรีดา
เพลงชาติไทย คือเพลงของ ไทยทั้งชาติ
ต่างสามารถ ร้องกันได้ กันทั่วหน้า
ไม่แบ่งวัย แบ่งวุฒิ หรือหน้าตา
แม้ศาสนา ก็ไม่แบ่ง ถ้าเป็นไทย
แต่วันนี้ ร้องเพลงไทย เหมือนไม่เท่ห์
ถ้าจะเก๋ ต้องเพลงหรั่ง ร้องกันได้
เพลงชาติเรา เราไม่ร้อง แล้วให้ใคร
มาร้องให้ แผ่นดินไทย ของเราเอง
25 พฤศจิกายน 2549 08:39 น.
ศรรกรา
เมื่อเธอไม่รักใยเธอถึงเฉย
ปล่อยให้เกินเลยมาจนบัดนี้
หลงให้ฉันคิดว่าตัวเองดี
หลงว่าเธอมีฉันอยู่ในใจ
เธอไม่เคยบอกเหมือนหยอกเหมือนแกล้ง
ไม่มีแม้แสร้งแกล้งให้สงสัย
คล้ายคล้ายตาบอดหลงตัวเองเรื่อยไป
คล้ายคล้ายบ้าใบ้ไม่รู้ความจริง
เธอมีคนอื่นยังยืนหยัดสู้
ทุ่มเทจนดูเหมือนผีบ้าสิง
ปิดหูปิดตาไม่หยั่งรู้ความจริง
ว่าเธอคือหญิงที่ชายอื่นจอง
24 พฤศจิกายน 2549 15:56 น.
ศรรกรา
(ฝ่ายชาย) เอ๊ะ ! ผู้หญิง กลิ่นสกังซ์ แม่ช่างตื้อ
อุตส่าห์ดื้อ เดินที่อื่น อย่างรีบเร่ง
จะพูดบอก ตรงตรง เราก็เกรง
จะหาว่า มาข่มเหง ทำร้ายใจ
ฮ่ะ ! นั่นเธอ เปิดปากพูด ออกมาแล้ว
โอ้แม่แก้ว กลิ่นวิงเวียน เจียนคลื่นไส้
อุตส่าห์ก้ม ฝืนดมปาก แทบขาดใจ
แล้วทันใด ทุกอย่างวูบ ไปกับตา
(ฝ่ายหญิง) เอ๊ะ! ยอดชาย เป็นอะไร ใยล้มคว่ำ
หัวขมำ ไปอย่างนั้น ล่ะคุณขา
หรือว่าคุณ นั่นจ้อง ต้องมนตรา
ถึงกลับว่า หน้ามืด ด้วยต้องใจ
ยังงี้ต้อง ทำให้ เขาได้ฟื้น
จำต้องฝืน จุมพิตปลุก จากหลับใหล
พลางจุ๊บลง ตรงหน้า เขาทันใด
ไม่ทันไร ชักกะแด่ว แล้วสิ้นลม
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ความเกรงใจบางครั้งก็เป็นบ่อเกิดของความหายนะมาสู่ตัวเอง หุ หุ หุ
24 พฤศจิกายน 2549 15:18 น.
ศรรกรา
(ฝ่ายหญิง) ตื่นขึ้นมา ขี้ตา ไม่ทันเช็ด
รีบระเห็จ ที่กระจก ส่องดูหน้า
อุ้ย! นั่นใคร ช่างดูดี มีมนตรา
ดูแววตา ไร้เดียงสา สิ้นราคี
น้ำไม่อาบ กลิ่นสาบตัว ช่างฉุนฟุ้ง
ผมเผ้ายุ่ง ยังดูดี มีราศรี
ลูกใครหนอ มองมุมไหน ก็ดูดี
แต่งยังไง ก็เข้าที่ ดูจับตา
(ฝ่ายชาย) เอ๊ะ ! นั่นกลิ่นอะไร คล้ายสกั๊งซ์
พอพิศดู ถึงจังงัง เฮ้ย! นั่นผี
ห่างตั้งเมตร กลิ่นของหล่อน ไม่มีดี
ผมเผ้าเจ้า เหมือนรังที่ นกทิ้งนาน
รอยยิ้มเธอ เจอกับตา พาให้หวั่น
เอ๊ะ! นั่นฟัน ทุกซีกมี เศษอาหาร
ดูช่างเขรอะ เลอะดำ เหมือนเป็นปาน
เจ้าดวงมาน ไม่เคยแตะ แปลงซักที
(ฝ่ายหญิง) อุ้ย! ชายหนุ่ม คนนั้น เขาจ้องฉัน
คงจะหลง เสน่ห์นั่น เข้าแล้วเอ๋ย
จะวิ่งไป หาเขา เราไม่เคย
พ่องามเชย จ้องอยู่ได้ ไม่อายคน
เพียงแค่ฉัน ยิ้มพราว แค่เท่านั้น
ตะลึงงัน ใครเข้าหา ก็ไม่สน
ฉันเดินผ่าน ก็ก้มหน้า ทำพิกล
คงต้องมนต์ ฉันเข้าแล้ว แหมทำอาย
เอ้าฉันยอม เสียเชิงหญิง เพียงครั้งนี้
พลันเดินรี่ ด้วยทีท่า งามเฉิดฉาย
อย่าเสเดิน ที่อื่นเลย พ่อยอมชาย
ทำตัวให้ สุขสบาย เป็นกันเอง
**เหตุการณ์จะเป็นยังไง โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนนี้ก็เดา ๆ กันก่อนก็ได้ค่า