12 มีนาคม 2550 10:03 น.
ศรรกรา
น้ำตาเธอท่วมท้นล้นสองแก้ม
หัวใจแซมความเศร้าเอาความขม
คำพูดจามีแต่ว่าความระทม
ทุกวันจมแต่ความรักที่หนักใจ
ฉันนั่งข้างรับฟังคำที่พร่ำทุกข์
มีแค่อกให้เธอซุกยามอ่อนไหว
คงได้เพียงพูดปลอบขวัญกำลังใจ
มิอาจทำอะไรให้ดูดี
ในเมื่อเธอมาที่หลังอกพังแหลก
ในเมื่อเธอมาแทรกกลางหว่างเขานี่
ฉันมิอาจจะพูดให้อะไรดี
ได้แต่ชี้บอกทางห่างเขาเลย
10 มีนาคม 2550 15:56 น.
ศรรกรา
งานก็สุมท่วมตัวหัวแทบปั่น
แขนขาพันผมเผ้ายุ่งไม่เคยหวี
เวลากับงานใยไม่พอดี
เผลอแป๊ปเดียวดูสิเจียนใกล้เย็น
ทุกทุกครั้งยังพอจ้ออ้อล้อบ้าง
งานพี่มากเลยเหมือนห่างอย่างที่เห็น
รอหน่อยนะให้เคลียร์งานที่จำเป็น
นะเนื้อเย็นวันหน้าว่างจ้อเหมือนเดิม
9 มีนาคม 2550 15:29 น.
ศรรกรา
จะทำกันลับหลังฉันไม่ว่า
แต่ที่ทำเห็นคาตารับไม่ไหว
ถ้าไม่รักขอเถิดนะปล่อยฉันไป
ยิ่งขอบใจถ้าไม่มาเห็นหน้าเลย
อยู่กับเขาเธอพูดได้เพียงแค่เปล่า
เห็นฉันโง่งี่เง่าตีหน้าเฉย
ขอบอกก่อนเพราะมันเจ็บเสียจนเคย
สุดท้ายเลยไปตายไหนฉันไม่แคร์
6 มีนาคม 2550 09:48 น.
ศรรกรา
เมื่อฉันเผลอเธอเอาเขาเข้ามาข้อง
มาเกี่ยวดองกันเมื่อไหร่ฉันไม่เห็น
แต่เงาตาที่มองฉันมันชัดเจน
ที่มองเห็นฉันเป็นเช่นเหมือนควาย
เป็นเพราะรักและไว้ใจใช่ไหมหรือ
เลยมองฉันเป็นกระบือเสียง่ายง่าย
คำปริ้นปร้อนหลอกให้เชื่อเสียง่ายดาย
โง่อย่างควายไม่ทันเล่ห์คนเช่นเธอ
หากเธออยู่กับเขาแล้วไม่ทุกข์
ก็ขอให้จงสุขอยู่เสมอ
ถ้าหากเจ็บเพราะรักอย่างฉันเจอ
คนอย่างเธอไม่พ้นโง่อย่างฉันเป็น
5 มีนาคม 2550 13:35 น.
ศรรกรา
ยินเสียงเพลงบรรเลงเพลงหวานแหว๋ว
เสียงซอแว่วตามลมข่มเสียงหมา
ฉันทนฟังเสียงซอข้างท้องนา
มีเพื่อนยาอยู่บนหลังนั่งบรรเลง
เพลงอะไรข้าฟังไปก็ไม่รู้
เสียงอี๋อูอี๋ออช่างหมาะเหม่ง
เสียงเดียวที่ข้าเข้าใจใช่เสียงเพลง
เป็นเสียงเอ็งเรียกข้ามาทำนา