20 เมษายน 2550 14:48 น.
ศรทอง
ผ่านการเรียน ผ่านการอบรมบ่มนิสัยมายังไงๆคนเราก็มีพลาดพลั่งไปบ้าง คนเราไม่ใช่ว่าจะดีไปซะทุกๆเรื่องถ้าพูดถึงตัวผมแล้วชีวิตการเรียนที่ผ่านมาอย่างรวดเร็วนั้นก็คงเหมือนกับนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆไม่รู้จักเหนื่อย บ้างครั้งผมก็คิดว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตเรามีเอาไว้เพื่ออะไร?ผมก็เคยถามตัวเองแบบนี้ตอนที่ยังไม่ค่อยโตนัก บางทีผมก็ไม่ค่อยอยากจะเรียนแต่ก็ต้องเรียนพอผมขึ้นมัธยมผมก็รู้อะไรมากขึ้น ผมเริ่มโตขึ้นและก็รู้จุดมุ่งหมายของชีวิตว่ามันต้องมีไปเพื่ออะไร แต่เมื่อโตขึ้นระดับความยากของวิชาการต่างๆก็เพิ่มขึ้นด้วยมันจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปทีละน้อยๆไม่ใช่แค่วิชาการเพียงอย่างเดียวความเครียดในการเรียนด้วยเช่นกันมันจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัวหรือบางทีก็รู้ตัวว่าเครียดแต่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไงสำหรับผมแล้วไม่ใช่แค่เรื่องเรียนเพียงอย่างเดียวเรื่องสภาพแวดล้อมรอบๆข้างด้วยโดยเฉพาะเรื่องเพื่อนบางทีก็รำคาญเพื่อนซะเหลือเกินแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงที่จะให้เพื่อนไปได้ คนเรามีอะไรแปลกๆหลายอย่าง บางทีต้องการเพื่อนเพื่อนดันไม่มา แต่พอเราอยากอยู่คนเดียวเพื่อนดันมาเป็นฝูงเลย ส่วนใหญ่ผูใหญ่โดยเฉพาะครูมักจะบอกว่าชีวิตการเรียนยังอีกยาวไกลยังไม่ต้องรีบมีแฟนก็ได้รอให้เรียนจบก่อนแล้วค่อยคิดหาแต่พูดกับวัยรุ่นไม่ค่อยได้หรอกครับ ปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรก็มากมาย ความทุกข์มันตกเป็นของผู้หญิง ผมเนี่ยเป็นคนแปลกคือไม่ค่อยจะมีเรื่องเหมือนกับวัยรุ่นคนอื่นคือวัยผมเนี่ยเป็นวัยเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ส่วนใหญ่ผมเนี่ยไม่ค่อยจะไม่ค่อยมีเรื่องกับใครถ้าไม่จำเป็นปกติจะเป็นคนที่เรียบร้อยไม่เคยมีเรื่องฉกต่อยกับใคร แต่ก็มีคนบอกเสมอๆว่าชีวิตยังอีกยาวไกลยังไม่ต้องรีบหาคู่ครองเดี๋ยวมันก็มาเอง
20 เมษายน 2550 09:47 น.
ศรทอง
เด็กสองคนต้องแยกจากกันเด็กคนหนึ่งเลยขอถ่ายรูปเอาไว้และก็ให้คนที่ต้องเดินทางนั้นเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกตอนที่เขาต้องไปเพื่อนคนที่ขอถ่ายรูปเอาไว้นั้นก็ไปส่งที่สนามบินด้วยตอนก่อนจะไปเขาก็บอกลาอย่างเศร้าใจเมื่อเขากลับมาถึงบ้านก็เศร้าใจส่วนอีกคนก็เศร้าใจเหมือนกันพอถึงยุโรปเด็กคนนั้นก็เก็บรูปที่เพื่อนเขาถ่ายให้อย่างดีเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีและไม่ให้ใครยุ่งด้วยเก็บไว้แบบว่าจะไปไหนก็เอาไปด้วย สองปีต่อมาเขาก็เก็บรูปถ่ายไว้ในกล่องส่วนตัวไม่ให้ใครรู้ เวลาผ่านไป10ปีเขากลับมาเมืองไทยด้วยวัยหนุ่มแน่นตอนไปยังเด็กๆอยู่เลยกลับมาเป็นหนุ่มแน่นกลับมาก็รีบไปหาเพื่อนเก่าทันที่ตอนไปหาเพื่อนแทบจำไม่ได้ตอนเพื่อนคนหนึ่งกลับมา เพื่อนคนหนึ่งแทบจำไม่ได้ตอนไปหาเพื่อนก็ถามว่า"มาหาใครครับ"อีกคนหนึ่งก็บอกว่า"เฮ้ย!จำไม่ได้หรอ"ใครวะ"เราไงจำไม่ได้หรอ" อ่อเข้ามาดิเข้ามาอืม!กลับมาหน้าตาเปลี่ยนไปเยอะนะเออใช่ตอนไปเนี่ยยังเด็กๆอยู่เลยเออใช่คิดๆดูแล้วมันก็เหมือนเมื่อวานนี้เองนะ
อืมใช่" เออเดี่ยวไปยุโรปด้วยกันไหมเดี่ยวเราออกตั๋วเครื่องบินให้เรานะทำธุรกิจรวยมากๆเลยละเอาป่าวพาครอบครัวไปอยู่ด้วยกันเอาไหม" เออไปดิอยู่กันให้หายคิดถึงเลยเออไปเก็บข้าวเก็บของไป!
และแล้วสองคนก็อยู่ที่ยุโรปและไม่กลับมาเมืองไทยอีกเลย
20 เมษายน 2550 08:35 น.
ศรทอง
ตามตำนานที่เหล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคนจนวันหนึ่งมีอัศวินหนุ่มสามคนซิ่งอยู่สามเมืองและสามคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจนวันหนึ่งอัศวินทั้งสามได้ลองเข้าไปในถ้ำที่เขาเล่าผนึกดาบเอาไว้ จนเขาไปเจอดาบจริงๆซิ่งถูกผนึกไว้หลายร้อยปีแล้วตามตำนานเล่าว่า "ต้องเป็นอัศวินที่ได้รับเลือกเท่านั้นถึงจะดึงดาบออกมาได้ถ้าไม่ได้เป็นอัศวินผู้ที่ไม่ได้รับเลือกจะเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงเกิดขึ้นกับตัวเองเพียงคนเดียวเช่นฟ้าผ่า ธรณีสูบเป็นต้นแต่ถ้าเป็นอัศวินผู้ได้รับเลือกดาบจะนำทางท่านไปพบกับอัศวินผู้ได้รับเลือกทั้งสองที่เหลือและถ้าดาบทั้งสามเล่มอยู่กับอัศวินผู้ได้รับเลือทั้งสามจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น"อัศวินคนแรกลองดึงดาบดูปรากฏว่าเขาดึงดาบออกและนำทางเขาไปหาอัศวินผู้ได้รับเลือทั้งสองในขณะที่อัศวินคนแรกดึงดาบคนที่สองและสามก็กำลังดึงดาบดูเช่นกันมีอัศวินคนแรกไปถึงก็เจออัศวินคนที่สองและสามกำลังยืนคุยกันอยู่ เมื่อดาบทั้งสามมาเจอกันก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึเนดาบทั้งสามสร้างเมืองอยู่ในป่าและสถาปนาอัศวินคนแรกเป็นกษัตริย์และอีกสองคนก็โดนสถาปนาเป็นเจ้าชายและดาบสามเล่มนี้ก็ย้ายคนที่อยู่ในชนบทเข้ามาอยู่ในเมืองที่พิ่งสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อภารกิจของดาบทั้งสามเล่มหมดลงดาบทั้งสามเล่มก็ผนึกตนเองไว้ในเมืองที่ใดที่หนึ่งมีแต่กษัตริย์และเจ้าชายทั้งสองเท่านั้นที่รู้ว่าดาบนั้นผนึกตนเองไว้ที่ไหนและประชาชนในเมืองก็ไม่รู้ว่าดาบอยู่ที่ไหนและไม่มีใครรู้ว่าเมืองนี้อยู่ที่ไหนเช่นกัน
19 เมษายน 2550 13:34 น.
ศรทอง
มีเด็กสองคนอยู่บ้านใกล้เคียงกันอยู่โรงเรียนเดียวกันและอยู่ห้องเดียวกันมาตลอดสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆแต่แล้ววันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งต้องมาบอกข่าวร้ายกับเพื่อนอีกคนหนึ่งว่าตัวเขาเองต้องย้ายโรงเรียนและย้ายบ้านไปอยู่แถวๆบางแคเด็กสองคนเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลถึงป.6แต่พอมาป.6เขาต้องย้ายโรงเรียนและย้ายบ้านไปเรียนโรงเรียนมัธยมแถวๆบางแค วันแรกที่เขาอยู่บ้านใหม่และโรงเรียนใหม่เขารู้สึกเหงาและมีความรู้สึกเหมือนนกที่อยู่ในรังตัวเดียว วันแรกที่เข้าเรียนโรงเรียนใหม่เขาไม่คบกับใครเลยตอนพักหรือพักกลางวันเขาก็นั่งคิดอะไรไปคนเดียวโดยไม่คุยกับใคร เมื่อครูที่ปรึกษาเห็นแล้วจึงเรียกตัวไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เด็กเขาก็ตอบว่า "ไม่เป็นอะไรครับ" จนวันหนึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งเขามาคุยด้วยและเด็กคนนั้นมีความรู้สึกว่าคุยกันถูกคอเลยขอเป็นเพื่อนด้วยเพื่อนคนนั้นก็แปลกใจที่เด็กที่ไม่ค่อยคุยกับใครแต่ดันคุยถูกคอกับเรา เวลาผ่านไปเร็วมากแปปเดียวก็จบม.1ซะแล้วเขาจึงกลับไปหาเพื่อนสนิทและมีสถานะเป็นเพื่อนเก่าด้วยเมื่อเขากลับไปเขาก็คุยกับเพื่อนเก่าคุยแบบให้หายคิดถึงเลยเพื่อนคนนั้นบอกว่า "เรานะยังจำทุกอย่างที่นายบอกก่อนที่นายจะไปได้หมดทุกๆคำพูดเลยละ"และเพื่อนใหม่ของเขาก็บอกกับเขาว่า "เนี่ยตอนมันไปอยู่ใหม่ๆเนี่ยนะไม่ค่อยคุยกับใครหรอกพักหรือที่มีเวลาว่างก็จะนั่งคิดอะไรคนเดียวไม่ยอมคุยกับใครบางทีนะมีน้ำตาไหลด้วย "หรอเพื่อนก็ฟังอย่างแปลกใจแล้วก็ถามเพื่อนสนิทของเขาว่า "มันเป็นเรื่องจริงหรอ"เพื่อนเขาก็ตอบว่า"จริงสิ แต่เราต้องรีบไปแล้วละเพราะโรงเรียนมีกิจกรรมให้ทำช่วงปิดเทอม"อะไรกันไปแล้วหรอพิ่งจะคุยกันเอง" เอานะเราสัญญานะว่าเราจะมาหาทุกๆปิดเทอมหรือวันหยุดยาวถ้าเรามีโอกาสมานะ
19 เมษายน 2550 10:34 น.
ศรทอง
เรื่องเกี่ยวกับดาบศักสิทธิ์แห่งไฟได้มีเรื่องเล่าต่อกันมาหลายๆชั่วอายุคนบนแท่นหินมีคำสลัก "ไว้ว่าดาบเล่มนี้ถ้าใครดึงดาบเล่มนี้ออกจากแท่นหินได้ผู้นั้นต้องมีบุญญาธิการมากและผู้ที่ดึงดาบนี้ออกจะได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และจะได้ครอบครองดินแดนหลายๆดินแดนในคราวเดียว" วันหนึ่งมีอัศวินคนหนึ่งได้หลงป่าและได้เข้าไปในถ้ำและได้เห็นดาบศักสิทธิ์แห่งไฟที่เล่าขานกันมานานหลายชั่วอายุคน อัศวินคนนี้ได้ลองดึงดาบออกจากแท่นหินและเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อัศวินผู้นี้ดึงดาบศักสิทธิ์ออกจากแท่นหินได้ เมื่อชาวเมืองหรือชาวบ้านได้รู้ข่าวไม่นานอัศวินผู้นี้ก็ได้เป็นกษัตริย์อย่างที่บนแท่นหินสลักเอาไว้จริงๆต่อมาอัศวินผู้นี้ก็จัดประชุมเหล่าอัศวินเพื่อไปล่าอาณานิคมตามหัวเมืองต่างๆและได้หัวเมืองต่างๆในแต่ละทวีปมาเป็นของเมืองนี้ เมืองกษัตริย์เสด็จกลับมาถึงเมืองท่านทรงสั่งให้โหรทำนายดวงชะตาเมืองและตัวท่านเองด้วย โหรได้ทำนายเอาไว้ว่า "อืม!เมืองของท่านเนี่ยจะอยู่เย็นเป็นสุขถ้าท่านมีพระราชโอรสไว้สืบราชบัลลังก์แต่ถ้าหากท่ามีพระราชธิดาท่านจะร้อนรุ่มเมืองจะลุกเป็นไฟท่านมีพระราชธิดาไม่ได้พระราชธิดาเป็นกาลีบ้านกาลีเมืองเมื่อมเหสีห์ของท่านตั้งครรภ์ท่านก็ลุ้นรอเป็นเวลาเก้าเดือน เมื่อถึงวันคลอดท่านก็ลุ้นว่าให้ได้พระราชโอรสเมื่อมเหสีห์ของท่านคลอดออกมาเป็นพระราชโอรสกษัตริย์ได้ยินดังนั้นก็ดีใจมาก เวลาผ่านไปยี่สิบปี....................โอรสของท่านเติบโตเป็นหนุ่มที่กล้าหาญและแข็งแรงท่านจึงให้โอรสของท่านขึ้นครองราชย์ต่อจากท่านเพราะท่านแก่มากแล้วโอรสของท่านก็ยอมขึ้นครองราชย์และท่านก็หาพระมเหสีห์และครองราชย์กับมหเสีห์ที่รักของท่านและหัวเมืองต่างๆที่ท่านพ่อหามาตลอดไป