3 พฤศจิกายน 2550 12:45 น.
ว่าที่กวี
เมื่อคืนฉันฝันร้าย
ฝันว่าอาทิตย์หล่นหายลงน้ำ
หมู่ดาวตกลงมาจากฟ้าสีคราม
ดวงจันทร์ที่เคยงดงาม...
...กลับแหว่งวิ่นและลอยหายไป
เมื่อคืนฉันขวัญเสีย
ฝันว่าคนรักที่เคยคลอเคลีย...
...มาจากห่างหาย
ฝันว่านกบินร่วงจากฟ้าลงมาตาย
ต้นไม้ค่อย-ค่อยยืนต้นตายอย่างทรมาณ
เมื่อคืนฉันขวัญผวา
ฝันว่าโลกนี้เหลือเพียงตัวฉัน
ไร้เงาของคนซึ่งเคยอยู่เคียงข้างกัน
แล้วต่อจากนี้ชีวิตฉัน...จะเป็นอย่างไร
เช้านี้ฉันตื่นขึ้นด้วยความสับสน
รีบมองโลกว่ากลับมืดมน...หรือยังคงสดใส
โลกที่เคยมีสีสันบัดนี้พลันเป็นสีเทา...สลดใจ
วันนี้และวันต่อ-ต่อไป...จะใช้ชีวิตอย่างไรดี
29 ตุลาคม 2550 20:30 น.
ว่าที่กวี
คืนนี้ฉันนอนไม่หลับ
อยู่ในห้องที่ว่างเปล่า
ทั้งที่มันเคยเปี่ยมด้วยเรื่องราวแห่งความสุข
หากแต่คืนนี้...
ภายในห้องนี้...
เหลือเพียงฉัน...กับความสับสน
และความทรงจำสีเทา-เทา
ที่ยังคงอยู่ภายในใจ
...
บ้านหลังนี้
เคยเต็มล้นด้วยความรู้สึก
ทั้งสุข...เศร้า...เหงา...รัก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเจือจางลง
...
สายฝนที่โปรยปรายบางเบา
สายลมอ่อน-อ่อนที่ยังคงโชยพัด
เหมือนคอยตอกย้ำ
ให้ความทรงจำต่าง-ต่างเลือนลาง
...
เหลือเพียงความเหงาสีเทามัว-มัว
ที่ยังคงแจ่มชัด...ภายในใจ
2 กันยายน 2550 19:41 น.
ว่าที่กวี
แต่ละคืนวัน...ที่ฝนโปรยปราย
กายฉันหนาวเหน็บยิ่งนัก
แต่ลึก-ลึกแล้ว...ใจฉันกลับหนาวยิ่งกว่า
เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางห่าฝน
เหมือนเดินคนเดียวในคืนที่มืดมิด
เหมือนอยู่บนยอดเขาสูง...เพียงลำพัง
...
หนาวกาย...
ทำให้รู้ว่ายังหายใจ...ยังมีชีวิต
แค่ก่อกองไฟก็ผ่อนคลาย...ให้ได้อุ่นขึ้นมา
หนาวใจ...
มีวิธีใดแก้ได้บ้าง
...
หากมีใครสักคนเคียงข้างกาย
หลายสิ่งหลายอย่างก็คงดีขึ้น
ถึงแม้ยังหนาวกาย...
แต่ภายในใจ...ก็ยังพอได้อบอุ่น
คงไม่ต้องทนหนาวใจ
เหมือนที่เคยผ่านมา
30 สิงหาคม 2550 13:46 น.
ว่าที่กวี
บ่ายของวันเหงา-เหงา...หลังจากสายฝนผ่านไป
ผีเสื้อพาปีกที่แหว่งโหว่บินมาเกาะบนกำแพง
หากฉันคุยกับมันได้
ฉันก็คงถามมันว่า..."ไปโดนอะไรมา"
แต่เป็นเพราะเราคุยกันคนละภาษา
ฉันเลยได้แต่แอบห่วงมันอยู่ไกล-ไกล
ตรงริมทางเดิน
กุหลาบช่อหนึ่งถูกทิ้งไว้อย่างไม่แยแส
เป็นเพราะความผิดของเขา
หรือเพราะอารมณ์ของเธอ
ฉันก็มิอาจเข้าใจได้
เด็กน้อยคนหนึ่ง
ตรงเข้ามาดึงมือฉัน
แล้วชี้ชวนให้ดูรุ้งกินน้ำ
แก้มของเธอเปี่ยมด้วยรอยยิ้มสดใส
นกฝูงใหญ่
กำลังบินตัดฟ้า...กลับไปหารังนอน
หลังจากหากินกันอิ่มหนำสำราญดี
อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่า
โลกนี้ยังคงสดใส...และเต็มไปด้วยความรัก
หากเพียงเราตั้งใจมองให้เห็นมัน
23 สิงหาคม 2550 18:59 น.
ว่าที่กวี
คืนนี้อยากให้ฟ้าเมา
ชวนพระจันทร์ดื่มเหล้ากับฉัน
ไม่ต้องเศร้า...เพราะยังมีเราอยู่ด้วยกัน
ใต้แสงดาวดื่มน้ำจันฑ์สำราญใจ
สายลมเย็นโชยพัดเบา-เบา
ก็คงพอจะคลายเหงาลงไปได้
ถึงแม้ดื่มเพียงลำพัง...ไร้คนข้างกาย
ก็ยังให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
คืนนี้อยากให้ฟ้าเมา
มาเลยจันทร์มาดื่มเหล้ากับฉันดีกว่า
ดื่มเพื่อลืมความทุกข์ใจ...ดื่มให้สบายอุรา
พรุ่งนี้ฟ้าใหม่ตื่นลืมตา...แล้วค่อยว่ากันอีกที
โลกนี้ช่างโหดร้าย
หายากซึ่งใคร...ที่จะเข้าใจฉันคนนี้
คงมีแต่จันทร์กับดาว...ที่ยังเข้าใจฉันดี
และอีกหนึ่งคือเหล้าที่มี...ที่ยังอยู่เป็นเพื่อนกัน
คืนนี้อยากให้ฟ้าเมา
ขอเชิญจันทร์ชวนดาวมาดื่มเหล้าหอมหวาน
หรีดหริ่งเรไรช่วยขับกล่อมในค่ำคืนที่ยาวนาน
เป็นคื่นค่ำของความสำราญ...
...เมื่อร่วมดื่มกับจันทร์และดาว