14 เมษายน 2552 11:38 น.
วิทย์ ศิริ
ด้วยนิยาม ความหมาย "อธิปไตย"
ย่อมหมายถึง "ผู้เป็นใหญ่" ในวลี
ดำรงไว้ ในการเมือง เรื่องวิถี
เลือกวิธี ปรองดอง ปกครองคน
หนึ่ง......ประชาธิปไตยนั้น
ร่ำลือกัน หมายมั่น ประชาชน
ต้องเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน ให้เห็นผล
เพื่อทุกคน สุขเกษม เปรมปรีดา
อ้างเลือกตั้ง หัวใจนั่น มั่นเป็นเหตุ
กลับกลายเลศ เล่ห์กล บทมายา
อย่างที่รู้ สู้เลือกตั้ง ทั้งเงินตรา
ซื้อประชา ทวยราษฎร์ ที่ขาดแคลน
สอง......อำมาตยาธิปไตย
ฝังรากลึก สังคมไทย ในแคว้นแดน
เป็นสังคม อุปถัมภ์ ต่างตอบแทน
ใช่ดูแคลน แสนปรกติ วิถีไทย
อ้างแทรกแซง เปลี่ยนแปลง ยึดอำนาจ
ทั้งปรามาส องคมนตรี ที่ข้องใจ
ใช่เหตุผล อ้างอิง จริงหรือไง
หรือมุ่งหวัง ไปไกลกว่า ว่าอำมาตย์
สาม......ทักษิณาธิปไตย
บัญญัติใหม่ ผลัดใบ ให้สมมาตร
เพียงครอบครัว พวกพ้อง ครองอำนาจ
ประชาราษฎร์ กลายป็นทาส วาดขายฝัน
อ้างกลบเกลื่อน เคลื่อนไหว ให้เปลี่ยนแปลง
ทั้งสำแดง แสดงตัว ชั่วโทษทัณฑ์
.....ธิปไตย สาไถย ใจพวกมัน
เสกเป็นยันต์ อุปโลกน์ โชคของไทย
3 เมษายน 2552 13:51 น.
วิทย์ ศิริ
ฝัน......ดาวคนละดวง
หากเราสองมองหาความฝัน
แต่ฝันนั้น.................
มีดาวคนละ "ดวง"
การเดินทางสู่ฝัน
ต่างคนต่างเดินไม่ดูแลกัน
ท้ายสุดแห่งฝันนั้น............
ภาพดวงดาวแห่งฝัน ผันเปลี่ยนเป็นภาพ "ลวง"
เมื่อไปไม่ถึงเป้าหมาย
ใจสองคนมิวาย...............
กล่าวโทษซึ่งกันและกัน
อุปสรรคแห่งฝัน
พลัน! ไม่สมพงษ์กัน เพราะ "ดวง"
เมื่อฝัน....เป็น....ดาวคนละดวง
ความอาทร... สายใยแห่งความห่วง
ความรักและความเข้าใจ,
หน้าตาจะเป็นอย่างไร,
แล้วใครจะเป็นคนมอบให้ใคร
2 เมษายน 2552 19:27 น.
วิทย์ ศิริ
เพื่อวันนี้
เพื่อวันนี้ ที่ตั้งใจ ให้แข็งแกร่ง
เติมเรี่ยวแรง แบ่งปัน วันฟ้าใส
ขจัดเรื่อง เคืองขุ่น วุ่นในใจ
ทุกข์ใดใด ไม่จีรัง ยั้งยืนยง
เพื่อวันนี้ มีสุข สุกสกาว
แสงแพรวพราว วาววับ ดับทุกข์ลง
สว่างกลาง หว่างใจ ได้ปลดปลง
ใจมั่นคง ปลงสับสน พ้นเรือนกาย
เพื่อวันนี้ มีชีวา เพลาว่าง
ได้คิดร่าง วางแบบ แผนจุดหมาย
คิดสร้างกรอบ ปลอบขวัญ วันวุ่นวาย
ให้กลับกลาย คลายฉงน พ้นภาระ
เพื่อวันนี้ ที่ร้างรา อุปาทาน
จิตวิญญาน สานใจ ให้ลดละ
ได้รู้ทัน ตัณหา อายตนะ
ด้วยธรรมะ จะกำเนิด เกิดปัญญา
1 เมษายน 2552 12:51 น.
วิทย์ ศิริ
เพ้อ
ยลนภาดาราพราย
ร้อยเรียงรายปลายฟ้าหนาว
ยลกานดาตางามวาว
ดูพริ้งพราวราวเมขลา
พิศเรือนร่างช่างน่ามอง
แนบประคองปองใจยา
พิศดวงเนตรเกศเกศา
ลลิตาคราต้องมนต์
คนึงคิดจิตหวั่นไหว
แม้นหลับใหลใจสับสน
คนึงรักปักกมล
ว่ายเวียนวนบนเมฆินทร์
ฝันจุมพิตชิดนวลปราง
กอดนงคราญร่างประทิน
ฝันสดชื่นรื่นเจตจินต์
ดั่งเสียงพิณยินกังวาล
27 มีนาคม 2552 22:01 น.
วิทย์ ศิริ
หากแม้น........มิต้อง
หากแม้นชีวิต ฉันหลุดลอยไป
มิต้องคอยใคร มิต้องอาลัย
ฉันคงเป็นสุข ทุกข์คงห่างไกล
มิต้องห่วงใย มิต้องบ่วงกรรม
หากแม้นดวงจิต ฉันพินาศจริง
มิต้องประวิง มิต้องกระทำ
ฉันคงคืนสู่ ลู่ทางแห่งธรรม
มิต้องจดจำ มิต้องบดบัง
หากแม้นความรัก คือน้ำผึ้งขม
มิต้องระทม มิต้องชิงชัง
ฉันคงยึดมั่น บั่นทอนผูกพัน
มิต้องรักกัน มิต้องคู่เคียง
หากแม้นอัตตา ชีวาไม่เที่ยง
มิต้องบ่ายเบี่ยง มิต้องหลีกเลี่ยง
ฉันคงตระหนัก วัฏฏะธรรมเที่ยง
มิต้องลำเอียง จำต้องจำนน