28 มิถุนายน 2552 16:24 น.
วิทย์ ศิริ
สักวันหนึ่ง...........
สักวันหนึ่ง.......ชีวิตที่ดิ้นรนมานาน
จะผ่านพ้น.....วิกฤตการณ์เสียที
เป็นบางสิ่งที่ซึ่ง.....ดั่งเช่นวิถี
ไม่อาจทราบ.....ความเป็นไปที่มี.....แต่กาลก่อน
สักวันหนึ่ง.......เคยคาดหวังมานาน
อยู่ในใจ.....ไม่อาจไหว้วาน.....บอกใครให้รู้
เป็นความสำเร็จ.....ที่ต้องแลกและต่อสู้
ทั้งๆที่รู้.....กว่าจะกอบกู้.....เหนื่อยยากแสนเข็ญ
สักวันหนึ่ง.......ผ่านการรอคอยมานาน
จวบจนวัน.....พบพานความจริง
กระแสธารไหลริน.....ไม่เคยหยุดนิ่ง
ทุกชีวิตสำคัญยวดยิ่ง.....กว่าความจริงที่เจอ
สักวันหนึ่ง.......วจีที่เก็บซ่อนในใจมานาน
จะพรั่งพรู.....สานฝันสู่เสรี
ที่สุดแห่งความมั่นคง.....เท่าที่เคยมี
ได้พิสูจน์เสียที.....สัจจะแห่งความภักดี
สักวันหนึ่ง.......ความทรงจำแห่งรักที่เนินนาน
ตื่นจากกาล.....คืนสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
ความห่างเหิน.....ที่เคยเหนี่ยวรั้ง
สิ้นแรงหยุดยั้ง.....ปรารถนาแห่งใจที่เฝ้ารอ
สักวันหนึ่ง.......การเดินทางครั้งสุดท้ายที่มีมานาน
ต้องพบพาน.....เช่นการเกิดครั้งเดียวในชีวิน
ทุกทิวาราตรี.....เป็นสักขี.....รางวัลของความเคยชิน
ไม่อยากรับรู้ได้ยิน.....แม้ครั้งเดียวก็ตาม
28 มิถุนายน 2552 15:55 น.
วิทย์ ศิริ
สวดมนต์.....ภาวนา
ขอเพียงใจ ดวงนี้ เป็นที่ตั้ง
ด้วยทุกครั้ง ใจมุ่งมั่น ใฝ่มรรคผล
ด้วยพลัง ยังศรัทธา บันดาลดล
ผองปวงชน หลุดพ้น หนทางกรรม
ทุกวจี ที่ภาวนา พาสดใส
แสงอำไพ แห่งสติ ที่ครองธรรม
เป็นที่สุด ผุดกุศล ผลน้อมนำ
เพราะด้วยคำ จำนรรจ์ อันเมตตา
ขอเพียงจิต คิดประเสริฐ เกิดในหล้า
ด้วยแกร่งกล้า ท้ากิเลส เลศตัณหา
ด้วยวิญญาณ หาญใฝ่รู้ สู้อวิชชา
ทุกชีวา ประสพพบ อนิจจัง
บทสวดมนต์ ล้วนผลธรรม คำสั่งสอน
ให้ลดละ นิวรณ์ลับ สดับฟัง
เปิดนิมิต คิดใคร่ครวญ มวลทุกขัง
เป็นพลัง ยังหนทาง ร่างสุนทรีย์
คำภาวนา พาให้จิต ปลิดเศร้าหมอง
สุขสมปอง ผองกระทำ กรรมความดี
ให้ยึดมั่น ไม่สั่นคลอน วอนชีพพลี
ธรรมทวี นำวิมุตติ กุศลธรรม
19 มิถุนายน 2552 12:53 น.
วิทย์ ศิริ
หากรักนี้.......
หากรักนี้.....เปรียบเบาสุด ดุจขนนก
วอนวิหค พร้อมเพรียง มาเคียงข้าง
อยู่เฉยเฉย เหมือนไม่เคย หัดบินบ้าง
กางปีกกว้าง ขนนกไล้ อุ่นอกใจ
หากรักนี้.....คีตกานต์ สานสำเนียง
คงไม่เพียง เสียงสวรรค์ ขวัญฤทัย
หากรักนี้ เป็นเมฆน้อย ละอองใส
ครั้นรวมใจ มลายหาย กลายหยาดฝน
หากรักนี้.....คล้องมาลัย ใจในฝัน
ย่อมสุขสันต์ วันและคืน ชื่นกมล
รักที่ให้ ต่างได้รับ จับใจคน
บันดาลดล ผลร่วมกัน ฝันยินยล
หากรักนี้..... เป็นวิหค ผกเหิรฟ้า
ปีกแกร่งกล้า ท้าไปไกล ทุกแห่งหน
แม้พายุ มุกระหน่ำ ทุกค่ำทน
จวบชีพจน ป่นธุลี มิรางเลือน
หากรักนี้.....เป็นศรรัก ปักหทัย
สองดวงใจ ใฝ่เสมอ เจอครองเรือน
หากรักมั่น สวรรค์นั้น แค่บอกเตือน
รักมาเยือน เตือนแล้วหนา อย่าเผลอใจ
16 มิถุนายน 2552 21:19 น.
วิทย์ ศิริ
แด่........แม่
นานแล้วหนาแม่นี้ จากไป
รักที่เคยห่วงใย ชิดใกล้
รักใหญ่ยิ่งกว่าใคร กำหนด
ทะนุถนอมลูกไซร้ กล่มเกลี้ยง เลี้ยงดู
หวนคิดอยู่ที่ได้ กำเนิด
เป็นเพราะรักบรรเจิด เกิดหล้า
อุทิศที่ล้ำเลิศ ใจใส่
ขอแม่อยู่ฟากฟ้า หมดสิ้น กังวล
ทุกแห่งหนจิตดั้ง ความเพียร
คำแม่สอนร่ำเรียน มั่นไว้
อดทนเป็นบังเหียน คุมอยู่
ลูกจักสำเร็จได้ ไม่น้อย จริงเจียว
แม้สิ่งเดียวที่ตั้ง ความดี
ลูกก็ยอมชีพพลี กอบกู้
ให้สมดั่งรวี สูงเด่น
หวังแม่ได้ล่วงรู้ ลุกสู้ อาจิณ
ยามถวิลไม่สิ้น จดจำ
ครั้งที่ทุกข์ระกำ ค่ำเช้า
สติแม่ไม่กระทำ แน่นิ่ง
สงบยิ่งรุมเร้า จวบสิ้น อาดูร
พระคุณแม่แผ่ป้อง ราคิน
อัศจรรย์พ้นมลทิน ทุกข์แคล้ว
อุปสรรคจักพังภินท์ อีกใช่
พรแม่อันแกร่งแกล้ว ผ่องแผ้ว เกื้อกูล
ด้วยเทิดทูนแน่แท้ บุญคุณ
ลูกมิอาจเกื้อหนุน ชาตินี้
วัตรปฏิบัติค้ำจุน ชมชื่น
ปณิธานบ่งชี้ ภพหน้า ทดแทน
15 มิถุนายน 2552 23:21 น.
วิทย์ ศิริ
ที่ใด......มี
ที่ใด......มีเกลียดชัง
หยั่งรากฝังใจมนุษย์
เหตุแห่งแสงปลายสุด
วิปโยคดุจโลกันตร์
ที่ใด......มีผิดใจ
ซุกซ่อนไว้ในใจกัน
ต่างฝ่ายพ่ายโทษทัณฑ์
มิตรสัมพันธ์อันตธาน
ที่ใด......มีสิ้นหวัง
ไม่หยุดยั้งให้ทันการณ์
กลืนกินไม่เพียงกาล
ต้องร้าวรานทั้งชีวิต
ที่ใด......มีกังวล
ทุกข์ระคนวนเวียนคิด
สุดท้ายวิตกจริต
นิรันดร์นิจจิตเศร้าหมอง
ที่ใด......มีขลาดกลัว
เนื่องด้วยตัวไม่กล้าปอง
ประหวั่นกระทั่งลอง
ชีพนี้ครองผองอวิชชา
ที่ใด......มีโง่เขลา
ปัญญาเบาเงามายา
หมกหมุ่นวุ่นตัณหา
ปมอัตตาพายิ่งใหญ่
ที่ใด......มีลวงหลอก
ใจช้ำชอกบอกใครได้
ระทมขมขื่นใจ
มนุษย์ไซร้ไร้คุณค่า
ที่ใด......มีท้อแท้
หมดทางแก้แพ้สั่งลา
หมดกำลังวังชา
สิ้นกังขาใจปราชัย
ที่ใด......มีลุ่มหลง
จิตไม่ปลงคงหวั่นไหว
ยึดติดคิดห่วงใย
อาวรณ์ใคร่อาลัยชนม์