20 ธันวาคม 2551 14:06 น.
วิทย์ ศิริ
ผืนผ้าบุ ต่างสีสัน ช่างสรรหา
สีหลากตา หลากเนื้อผ้า น่าสัมผัส
บ้างสวยสด หยดแต้ม แฉล้มจัด
บ้างสวยเรียบ เฉียบชัด มัดใจอนงค์
ร่วมร้อยเรียง เมียงมอง ปองทุกพับ
ขยิบขยับ จับแปร แลประสงค์
คิดใช้กรุ บุสารพัด วัดบรรจง
คิดแล้วปลง คงมากมาย หลายวลี
ดูเนื้อผ้า สีฟ้าใส ใยสังเคราะห์
ดูให้เหมาะ ลินินเท่ห์ เสน่ห์มี
ผ้าคอนตอน เรยอนปน ยลดูดี
ผ้าโพลี เหลือบลาย สายรุ้งทอ
ทั้งผ้าไหม ใยฝ้าย ลายน้ำเงิน
สวยล้ำเกิน เดินดิ้น ปิ่นลออ
หลากสีสัน เกินฝันใฝ่ ใจเยินยอ
น่าหลงใหล ไม่เพียงพอ ขอเปรียบเปรย
ครั้นได้ดู ได้ยล จนพอใจ
มั่นหทัย กว่าทุกครั้ง หวังคุ้นเคย
นานวันเข้า เว้าใจซื่อ บื่อเฉยเฉย
เหมือนไม่เคย เชยชม ผ้าเนื้อมนต์
หลากอารมณ์ เช่นเส้นสาย ลายอาภรณ์
อลงกรณ์ งามยิ่ง นิ่งฉงน
ดูสวยสด งดงาม ยามเฝ้ายล
ดูเวียนวน คนนั้นไซร้ ไร้กฎเกณฑ์
สิ่งที่เห็น สิ่งที่เป็น เด่นทุกครา
เย้ายวนตา พากิเลส เล่ห์กรรมเวร
เป็นเปลือกนอก หลอกล่อ บ่อปักเลน
ทั้งเบี่ยงเบน เนื้อใน ใจเคล้าคลอ
หมายจับจ้อง ปองรัก หักอาวรณ์
หมายริดรอน วอนให้ได้ ตามใจขอ
ได้ยลผล สำเร็จ เสร็จกิจรอ
ไม่เพียงพอ วนเวียน เปลี่ยนผันไป
18 ธันวาคม 2551 09:40 น.
วิทย์ ศิริ
แสงธรรม
นิมิตหมายใฝ่รู้ หลุดตน
ทางแห่งขันธ์มรรคผล บ่งชี้
หมดจดกิเลสปน รักใคร่ ไป่มี
ขจัดซึ่งกระพี้ ซ่านฟุ้ง หมดไป
อายตนะนี่ไซร้ ปล่อยวาง
วัฏฏะละขวางกลาง ปิดกั้น
อาสวะ ณ เรือนร่าง ปลดปล่อย สุขเสพ
อิสระเพ่งจิตดั้น สู่รุ้ง แสงธรรม
16 ธันวาคม 2551 21:58 น.
วิทย์ ศิริ
วิหคน้อย
วิหคน้อย คล้อยบิน ไปสุดหล้า
เจ้าไม่หวัง ไม่กลัว ตัวเมื่อยล้า
เจ้าไม่บ่น ไม่พร่ำ คร่ำครวญหา
เพราะชีวา อยู่เดียว เปลี่ยวเอกา
ไม่มีแม้ แต่รัง พักกายา
ไม่มีแม้ แต่ใจ ที่พึ่งพา
ไมมีแม้ แต่รัก ที่ปรารถนา
ไม่มีแล้ว แก้วตา ของเจ้าเลย
คงมีเพียง สองปีก อันอ่อนล้า
กับผืนฟ้า กว้างใหญ่ ใช่ดังเคย
กับหน้าผา สูงชัน ตั้งหน้าเงย
กับธารา มหาสมุทร สุดหาดเกย
บิน บิน บิน เจ้าจงบินไป
ไกล ไกล ไกล เพื่อได้ชดเชย
เคย เคย เคย ที่ที่เคยไป
ใจ ใจ ใจ อย่าได้ลังเล
สู่ขอบฟ้า สู่ขอบทะเล
สู่ดวงใจ ไกลความรวนเร
ขอสวรรค์ เจ้าอย่าหันเห
อย่าร่อนเร่ เหมือนชีวิตข้าเลย.....
13 ธันวาคม 2551 14:14 น.
วิทย์ ศิริ
ความนัย...เธอกับฉัน
ปุจฉา
เธอ กับฉันต่างคลางแคลงไม่แจ้งใจ
ถึง รหัสความนัยสุดไขความ
มี บางสิ่งมี่ซ่อนเร้นเป็นนิยาม
ทั้ง อยากถามความใน...ใจสองเรา
เสียง พึมพำตัวเราเฝ้าแต่ถาม
ว่า นิยามความหมายอันใดเล่า
แล้ว ตัวเธอเพ้อถามบ้างหรือเปล่า
ใจ สองเรา...สับสนจนโง่เขลา
ดู...เป็นเช่นม่านฟ้าหล้ามืดมัว
ดู...เงาตัวเศร้าสร้อยและหงอยเหงา
ดู...เป็นเช่นละครตอนมัวเมา
ดู...ใจเราเสแสร้งแล้งน้ำใจ
หาก เมื่อม่านจิตใจไขเฉลย
เรา ยังเฉยไม่รู้สึกนึกสงสัย
ก็ ลำบากยากเย็นและเข็ญใจ
เป็น ความนัยสิ้นสุดหยุดสัมพันธ์
วิสัชนา
เธอ ต่างหากที่รวนเรไม่แน่ใจ
ถึง ความนัยใจฉันมั่นเฉลย
มี หลายสิ่งจริงใจได้เปิดเผย
ทั้ง ที่เคยเปรียบเปรยเอ่ยกันฟัง
เสียง พึมพำเก็บงำคำใครเล่า
ว่า เพราะเจ้าเฝ้าตามถามความหลัง
แล้ว รู้อยู่เป็นคู่คิดจิตมุ่งหวัง
ใจ เจ้ายังฟังสับสนจนผันผ่าน
ดู...กลายเป็นฟ้าใสใจสว่าง
ดู...เห็นร่างพร่างสะพรั่งดั่งวิมาน
ดู...แสดงแดงผ่องผุดอุทยาน
ดู...ชื่นบานปานหยาดทิพย์พิสมัย
หาก ม่านนั้นพลันเปลี่ยนเวียนสลาย
เรา คงคลายหายสงสัยในฤทัย
ก็ สราญสานฝันวันเข้าใจ
เป็น สิ้นสุดความนัยใจสัมพันธ์
10 ธันวาคม 2551 16:29 น.
วิทย์ ศิริ
"มายา"..."สัจจา"
สิ่ง...ที่แท้ในใจกลับไม่เห็น
สิ่ง...ที่เป็นเห็นอยู่กลับยึดมั่น
สิ่ง...ที่คิดด้วยจิตกลับหวาดหวั่น
สิ่ง...ที่กลั่นด้วยสติกลับสงสัย
สิ่ง...ที่เร้นในโลกกลับมุ่งหวัง
สิ่ง...ที่ยังไม่ปรากฎกลับมั่นใจ
สิ่ง...ที่เว้นจากใจกลับห่วงใย
สิ่ง...ที่ใครเข้าใจใช่"มายา"
เพราะ...อัตตาพาตัวเราเข้าพงหนาม
เพราะ...โมงยามเสกสรรค์ฝันนิทรา
เพราะ...ความโลภโกรธหลงคงทุกครา
เพราะ...มนต์ตรามืดมิดปิดดวงตา
เพราะ...ขลาดเขลาเบาความคิดอนิจจัง
เพราะ...ทุกขังจีรังไม่นำพา
เพราะ...วุ่นวายคลายยึดมั่นอนันตา
เพราะ...ชะตามาห่างเหินเมิน"สัจจา"