23 มกราคม 2552 22:19 น.
วิทย์ ศิริ
เมื่อ.....เพื่อเธอ
เมื่อ...ความทุกข์ลุกลามตามประชิด
ความ...นึกคิดปลิดปลงลงมืดมิด
เพื่อ...เธอคลายมลายเศร้าเหงาดวงจิต
เป็น...คู่คิดน้ำตาพี่นี้ให้เธอ
เมื่อ...ความสุขปลุกสวรรค์วันสดศรี
ความ...ปิติปรีดามาเสมอ
เพื่อ...เธอปลื้มลืมทุกข์โศกโลกพร่ำเพ้อ
เป็น...เพื่อนเธอเผยอยิ้มพริ้มละไม
เมื่อ...ความหนาวก้าวเยือนเตือนใจสั่น
ความ...ไหวหวั่นพรั่นกายกลายเภทภัย
เพื่อ...เธอได้อบอุ่นกรุ่นกายใจ
เป็น...หทัยใยภูษามาห่มเธอ
เมื่อ...ความรักมักสับสนปนเปใจ
ความ...หลงใหลเข้าใกล้ใจเผลอเรอ
เพื่อ...เธอได้สงบพบเจอะเจอ
เป็น...สายลมข่มละเมอเพ้อฝันไป
เมื่อ...ความหวังดั่งจินดาคราดับสูญ
ความ...อาดูรพูนทับดับแววใส
เพื่อ...เธอได้สมหวังในฤทัย
เป็น...พลังใจใส่เพิ่มเติมชีวัน
เมื่อ...ความจริงยิ่งแสดงแจ้งแจ่มชัด
ความ...จรัสผลัดเวียนเปลี่ยนจากฉัน
เพื่อ...เธอได้สมปองครองคู่กัน
เป็น...ทางผ่านวานเธอก่อนผ่อนรันทด
เมื่อ...ความเจ็บโรคามาตรงหน้า
ความ...แกล้วกล้าท้าทายมลายหมด
เพื่อ...เธอฟื้นคืนระรวยสวยปรากฏ
เป็น...โอสถบดน้ำผึ้งซึ้งใจยา
เมื่อ...ความโกรธโลดแล่นแพ่นเดือดดาล
ความ...สราญผลาญดิ้นสิ้นศรัทธา
เพื่อ...เธอได้สบายหายโกรธา
เป็น...กายากระสอบทรายปลายหมัดเธอ
20 มกราคม 2552 20:37 น.
วิทย์ ศิริ
จิต.......สติ
จิตมนุษย์ สุดยาก หยั่งถึง
จิตคำนึง ถึงบึ้ง อารมณ์
ผลกระทบ ปรุงแต่ง แบ่งปม
ทั้งชื่นชม ขื่นขม ปมใจ
จิตนั้นแล แปรเปลี่ยน เวียนหมุน
จิตนั้นขุน หนุนเนื่อง เฟื่องไกล
ผลแห่งกรรม จำแม่น แก่นใน
ทั้งจิตใจ ใยดี มีชั่ว
สั่งสมอง ตรองดู ถี่ถ้วน
กระทำล้วน ผวนกลบ ครบทั่ว
เป็นหนึ่งเดียว เฉลียวใจ ในตัว
เป็นดีชั่ว ตัวทำ งำเงื่อน
สั่งสมอง แผลงศร วอนเห็น
กระทำเช่น เด่นชัด จัดเคลื่อน
เป็นผลพวง พฤติกรรม ธรรมเตือน
เป็นเช่นเพื่อน สนิทชิด ติดตาม
พฤติกรรม สะสม จมนิ่ง
อยู่กับสิ่ง เคยชิน ยินยาม
เก็บสั่งสม ปมเขื่อง เนื่องตาม
บ้างคุกคาม งามทราม ความดี
พฤติกรรม มีอยู่ คู่ผล
อยู่บัดดล จนใจ ใช่ที
เก็บเกี่ยวไว้ ใจเฉย เคยมี
บ้างราคี บารมี หนีสูญ
สติที่ ล่วงรู้ ผู้คน
ขอแรงดล ผลเริ่ม เพิ่มพูน
แสงสว่าง กลางใจ ทวีคูณ
ให้ได้ปูน บำเหน็จ เพชรัตน์
สติเกิด เปิดใจ สมาธิ
ขอสนธิ สงบเรียบ เงียบสงัด
แสงแห่งธรรม กำกับ นพรัตน์
ให้พิพัฒน์ ชัดแสดง แจ้งใจ
19 มกราคม 2552 15:59 น.
วิทย์ ศิริ
เพียง...เธอ...หวน...คิด
เพียง..ลมหวิวพริ้วใบใม้ในไพรสนฑ์
เพียง..ลมฝนอลวนบนนภา
เพียง..ลมหนาวคราวผ่านม่านดวงตา
เพียง..ลมรักพัดโบกลาพาหม่นหมอง
เธอ..เป็นคนกำหนดบทวิถี
เธอ..เป็นผู้รู้ดีที่เฝ้ามอง
เธอ..เป็นเพื่อนเตือนสติมิครอบครอง
เธอ..เป็นรองแค่เคืองเรื่องข่มใจ
หวน..รำลึกความหวังดีที่เคยมอบ
หวน..ดำริคิดชอบปลอบคนไกล
หวน..รำพึงถึงมิตรรักถักสายใย
หวน..รำพันวันอุ่นใจในกานต์กลอน
คิด..ถึงตอนยอกเย้ากระเซ้ากัน
คิด..ถึงครั้งสัมพันธ์วันเก่าก่อน
คิด..ถึงรักแบ่งปันไม่สั่นคลอน
คิด..ถึงบ้างบ้านกลอนวอนคนดี
13 มกราคม 2552 14:24 น.
วิทย์ ศิริ
ชีวิต คือ....ของขวัญอันล้ำค่าที่สุด
จากเริ่มต้นสู่บั้นปลาย....จุดสุดท้ายของการเดินทาง ชีวิตผู้คนมากมาย
ถามหา....จะอีกกี่ไมล์....หนึ่งหรือร้อยไมล์หรือสุดปลายฟ้า..บนเส้นทางสายนี้
ระหว่างทางในป่าธรรมชาติเราได้พบ....ฟ้าสดใสกว้างไกล
...ทุ่งหญ้าเขียวขจี...เห็นป่าทึบ...หุบเขาอยู่ข้างหน้า...แวะก้มดู
เงามืดในเหวลึก (เพราะอยากรู้ว่าลึกมากเท่าไรกันแน่และ
หยั่งลึกสู้ใจคงไม่ได้ เท่าที่คิด)...แล้วเดินต่อไป...มุดผ่านถ้ำ...
ดูเป็นอุโมงค์ทางยาว....รู้สึกเย็นๆชื้นๆ...ตลอดทาง...มืดสลัวๆ
หลังจากที่ได้ปรับสายตาในความมืด...(แปลกจริงๆใจนี้...ไม่รู้สึกกลัว
และกังวลใจมากเท่าไร)
จนกระทั่ง...แลเห็นจุดสว่างเล็กๆเหมือนปลายเข็มไกลออกไป
..ที่ปลายอุโมงค์...เร่งสาวเท้าเร็วขึ้น...ใกล้ขึ้น...จากจุดเล็กๆขยายใหญ่
ขึ้นเป็นช่องขนาดเท่าครึ่งตัวคน....เราสามารถบีบตัวเองให้เล็ดลอด
ออกไปได้...เห็นลำแสงแรกของภายนอก...ยิ้มรับตะวันยอแสงของ
วันใหม่หรือนี่...ล้มตัวลงพักเอาแรงและลุกขึ้นใหม่พร้อมลมหายใจที่สดชื่น
...หาผลไม้จากพรรณไม้ที่รายล้อมและวักน้ำใสๆจากลำธารสายน้อย
ที่อยู่ข้างๆที่ไหลมาจากหน่าผาสูง...เพื่อประทังชีวิต สร้างกำลังใจให้กับตัวเอง
แล้วก้าวเดินต่อไป...ก้าวเร็วขึ้น...เดินข้ามเนินเขาสูงและแล้วก็เข้าสู่
แนวป่าคอนกรีต
ระหว่างทางในป่าคอนกรีตเราได้พบ...ป้ายต่างๆบอกทิศทาง
เริ่มจากป้ายแรกที่เห็น...ป้ายทางตรง...เลี้ยวขวา...เลี้ยวซ้าย...มีป้าย
(หวังดี)บอกให้ระวัง...ทางขึ้นเนิน...ทางขรุขระ...ทางคดเคี้ยว...มีป้าย
ระวังรถสวน...และแล้วก็ เจอป้ายบอกทางตัน...และใกล้เคียงนั่นเอง
...เป็นป้ายกลับรถ
ใจเราถาม...นี่หมายถึงอะไร...ตลอดเส้นทางไม่ว่าจะเป็นป่าธรรมชาติหรือ
ป่าคอนกรีตก็ประสพพบอารมณ์ตัวเองต่างๆ ทั้งรัก..ทั้งชัง..ทั้งหวาน..และขมขื่น
(เหมือนดั่งกับเพลงเพราะที่ก้องอยู่ในโสตประสาทเลย) ทั้งยังต้องอดทน...
ต่อสู้เพื่อชีวิตอยู่รอดปลอดภัยตลอดมาของตังเองและคนที่เรารัก...
ต้องหันหลังกลับไปทางเดิมหรือเช่นไร เพื่อกลับไปสัมผัสกับอารมณ์
หลากหลายที่ผ่านมาอีกครั้งหรือ...เอะ ! เราใช้เครื่องย้อนเวลาไม่ดีกว่าหรือ
(นึกขำในใจ) ทันใดนั้น...ก็แลเห็น..ป้ายบอกทางขนาดใหญ่ข้างหน้า...
ตัวอักษรสีแดงตัวไม้ในกรอบแปดเหลี่ยมสีแดงพื้นขาว ขัดเจนแต่ไกล
...เป็นคำสั่งเตือน "หยุด" ...สั่งใครว่ะ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นทันทีแบบไม่สบอารมณ์...หยุดทำไม...แล้วก็...หยุดเพื่ออะไร...หยุดรอใคร...หยุดดู
สิ่งไรอีก...หรือหยุดคิดหรือไง
เมื่อเราเดินเข้าใกล้...ใกล้ถึงที่สุด...จนสัมผัสได้และได้ยินกระทั่ง
...ลมหายใจ...บางเบายิ่งกว่าขนนกที่ล่องลอยในอากาศ..ถึงได้เข้าใจ
...ถึงความเงียบสงบในจิตใจ
จากนั้น...ความรู้สึกตื่นขึ้น...จากความเงียบนั้น...ความคิดเปิดเปลือกตา
....ชีวิตในภพนี้ ไฉนจบลงด้วยความว่างเปล่า...ไม่น่าเชื่อ...ทั้งที่แต่แรกที่เดิน
...รู้สึกอบอุ่น...มีคนคอยห่วงใยดูแล...มีคนรัก...มีคนรู้ใจ...สารพัดคน
รวมทั้งคนที่ชังเราด้วย (ก็มีบ้าง เป็นธรรมดาน่า...แต่ช่างเขาเถิด)...
...ทุกๆคนเป็นเพื่อนร่วมทาง... คนเหล่านั้น..ไม่รู้หายไปในกันหมด
ความสงสัยถามหา....จากเริ่มต้นสู่บันปลาย...กลายเป็นเพียง
ความฝันอันรื่นรมย์...บางขณะหรือบ่อยครั้งในความรู้สึกก็เป็นเหมือน
ฝันร้ายกระมั่ง...ยังไงเสีย...การเดินทางครังใหนๆก็ย่อมมีที่สิ้นสุด...
แต่ไม่เคยหยุดสงสัยว่า...ชีวิตในมิติของเส้นทางแห่งการเรียนรู้
ความทรงจำเอ่ยขึ้น...เจ้าได้สิ่งใดจากเส้นทางที่ผ่านมา นิยามที่ว่า
"ชีวิตคือการเดินทาง......ชีวิตคือการต่อสู้......หรือชีวิตคือโอกาส"
อย่างไรก็ตาม...เจ้าก็ได้เรียนรู้คุณค่าของวันวาน...เพื่อในวันนี้
...วันพรุ่งนี้...จนวันสุดท้าย...วันที่ความรู้สึก...ความคิด..ความสงสัย
และความทรงจำได้ตระหนักถึงนิยามแห่งชีวิตที่หลอมรวมกันเป็น
หนึ่งเดียว "ชีวิต คือ....ของขวัญอันล้ำค่าที่สุด"
12 มกราคม 2552 21:09 น.
วิทย์ ศิริ
แรงแห่งไฟ.....ใจแห่งรัก
แรง..กำเนิดเกิดได้ในบันดล
แรง..ส่งผลอำนาจคาดไม่ถึง
แรง..หนุนเนืองเรืองฤทธิ์ติดตราตรึง
แรง..รำพึงรำพันวันพังภินท์
แห่ง..หนใดใช่ตำแหน่งแห่งพิภพ
แห่ง..บรรจบกระทบเสียงสำเนียงยิน
แห่ง..ลึกลับซับซ้อนก้องธานินทร์
แห่ง..วารินทร์ไหลเฉื่อยเรื่อยเรื่อยไป
ไฟ..เผาผลาญปานไฟทุ่งพุ่งพวยไกล
ไฟ..ลุกไวประหนึ่งไล่ใช่ขับไส
ไฟ..หวาดกลัวทั่วร่างหว่างหทัย
ไฟ..ระวังไหม้ใส่ใครจุดมัน
ใจ..ที่พร้อมยอมรับกับความจริง
ใจ..ประวิงไม่นิ่งยิ่งทุกข์พลัน
ใจ..ทั้งปวงดวงแดแน่สานฝัน
ใจ..ครามครั้นวันเศร้าโศกโชคฝันเฝ้า
แห่ง..หนใดใช่ที่ใหนในดวงจิต
แห่ง..ใกล้ชิดอิงแอบแนบกายเจ้า
แห่ง..เปิดเผยเคยหวั่นไหวใจเร่งเร้า
แห่ง..ทุกข์สุขคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
รัก..ที่แท้แน่ใจไม่แปรผัน
รัก..แบ่งปันฝันเสมอเธอกับฉัน
รัก..เข้าใจไม่สงสัยในวานวัน
รัก..ทอฝันวันชื่นมื่นคืนสุขใจ
>