23 พฤษภาคม 2548 23:08 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ที่หนูมี วันนี้ได้ เพราะใครเล่า
ที่คอยเฝ้า กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงดูหนู
จากเด็กน้อย คอยถนอม กล่อมเลี้ยงดู
จนตัวหนู เติบใหญ่ ได้เป็นคน
ส่งเสียให้ ได้เล่าเรียน ฝึกเขียนอ่าน
จนได้งาน มีเงินพอ ก่อเกิดผล
จวบจนได้ แต่งงาน มีชั้นชน
มีคำคน เยินยอ พอชื่นบาน
งานรัดตัว กลับบ้านค่ำ บางยามดึก
ใจก็นึก เป็นห่วงแม่ แกอยู่บ้าน
อาหารมี อยู่หรือไม่ ที่ในจาน
แม่จะทาน กับอะไร ใจกังวล
แม่คงเหงา คราวอยู่บ้าน อันนานเนิ่น
สงสารแม่ แกเหลือเกิน มิเพลินผล
อยากให้แม่ แกมีเพื่อน ไว้เตือนตน
อยากหาเพื่อน ให้สักคน กังวลใจ
หนูจึงหา บ้านหลังใหม่ ให้แม่อยู่
เพื่อนมากมี ไม่หดหู่ คงอยู่ได้
เก็บเสื้อผ้า ใส่กระเป๋า เข้าเร็วไว
ส่งแม่ไป ยังสถาน บ้านชรา
ไม่ใช่หนู ทอดทิ้งแม่ ที่แก่เฒ่า
แต่หนูกลัว แม่จะเหงา เข้าใจหนา
บ้านแห่งนี้ คือที่แม่ แก่ชรา
หากหนูว่าง จะมาหา อย่าน้อยใจ
23 พฤษภาคม 2548 23:03 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ก. เอ๋ย ก.ไก่
จำได้ไหม ใครสอนเรียน เขียนอักษร
จับลากมือ ถือดินสอ มาต่อกร
ก. อักษร เราเขียนได้ เพราะใครกัน
จาก ก. ไก่ ที่เบ้ซ้าย เบี้ยวไปขวา
พัฒนา เป็น ก.สวย ด้วยรังสรรค์
เป็น ข. ไข่ ได้ฝึกเรียน เขียนทุกวัน
จวบจนชั้น ฮ. นกฮูก ปลูกวิญญาณ์
จนอ่านออก เขียนได้ ใช้ประโยชน์
ได้เริงโลด ในสถาน การศึกษา
จบประถม บ่มบากเพียร เรียนวิชา
จนเติบกล้า มัธยม สมดั่งใจ
เข้าศึกษา มหาวิทยาลัย ดั่งใจมุ่ง
ให้เรืองรุ่ง สรรพวิชา ตรีตราได้
จวบจนจบ ปริญญา มาดั่งใจ
แล้วก้าวไป ในสังคม นิยมยิน
แต่เรือจ้าง อย่างครู ผู้สอนสั่ง
ยังอยู่ยั้ง สอนเขียน ก. ไม่ท้อสิ้น
จากรุ่นแล้ว สู่รุ่นเล่า เขาโบยบิน
ไม่คืนถิ่น ลืมคุณครู ผู้สอน ก.
ก. เอ๋ย ก. ไก่
แม้สังขาร ท่านแก่ไป ไม่เคยท้อ
ยังคงสู้ สอนเด็กเรียน เขียน ตัว ก.
ส่งศิษย์ไป ได้ดีต่อ ก็ลืมครู
18 พฤษภาคม 2548 22:46 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
พญาช้าง คชสาร แต่กาลก่อน
เป็นอนุสรณ์ คู่เมืองบ้าน ทุกกาลสมัย
คู่ประเทศ เศวตฉัตร พิพัฒน์ชัย
คู่แผ่นดิน ถิ่นทองไทย แต่ใดมา
ออกเคียงคน รณยุทธ์ หยุดอริราช
ก้องประกาศ สู้สงคราม ใครหยามหล้า
พละกำลัง มหาศาล กร้านศึกมา
กู้นครา ให้แผ่นดิน สิ้นผองภัย
คู่รณรงค์ องค์กษัตริย์ ยุทธหัตถี
คู่บารมี องค์กษัตริย์ นิรัติศรัย
คู่แผ่นดิน ถิ่นสยาม ป้องปรามภัย
คู่ประวัติศาสตร์ ชนชาติไทย ไล่อริชน
โอ้ช้างเอ๋ย เคยยิ่งใหญ่ ในแผ่นหล้า
กลับต้องมา เป็นสัตว์เลี้ยง เคียงถนน
ให้คนเขา เอาอ้อยเคียง เข้าเลี้ยงตน
เดินขอทาน ข้างถนน ให้คนมอง
ให้เดินย่ำ ตามถนน บนคอนกรีต
ให้หินขีด ลุกล้ม จนบ่มหนอง
ให้ลากซุง ลากไม้ เลือดไหลนอง
บ้างตกคลอง จนต้องตาย วายชีวา
นี่นะหรือ สิ่งตอบแทน อันแสนเศร้า
ที่พวกเจ้า มอบให้ช้าง อย่างพวกข้า
ที่เคียงศึก กู้แผ่นดิน ถิ่นไทยมา
คือให้ข้า เดินขอทาน ตามบ้านคน
18 พฤษภาคม 2548 22:41 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เป็นบุบผา ในราตรี ที่เริงรื่น
ในค่ำคืน แห่งมายา มาแสร้งสรรค์
ที่แต่งแต้ม แกมสอดสี ทุกวี่วัน
เสริมสีสัน ให้สดใส ในค่ำคืน
หมู่ภมร ภุมริน บินคลอเคล้า
หวังจะเอา เจ้าดอกไม้ ไปเชยชื่น
ยอมพลีร่าง ให้ชายชม แม้ขมกลืน
เพื่อสังเวย ความห่ามหื่น ทุกคืนวัน
เอาความสาว เต้าแลกเงิน เกินกว่าร้อย
ให้คนคอย หยามเหยียด รังเกียจฉัน
ตีตราหน้า ว่าอีตัว ชั่วกัปกัลป์
ตราหน้าฉัน หญิงขายตัว มั่วโลกีย์
แต่ความจริง จากดอกไม้ ในคืนค่ำ
ใครล่วงล้ำ ความในใจ ฉันไหมนี่
ฉากชีวิต ที่แสดง แห่งราตรี
คือวิถี แห่งน้ำตา มาบรรเลง
ฉันไม่ได้ อยากจะเป็น เช่นนี้หรอก
ฉันอยากออก จากวิถี ที่ข่มเหง
แต่กำแพง แห่งสายตา ที่น่าเกรง
ของคุณเอง ที่ปิดกั้น ให้ฉันไกล
ขอได้ไหม ไอ้กำแพง แห่งสายตา
อย่ากีดกั้น ฉันเถิดหนา จะได้ไหม
หากพวกคุณ เปิดใจรับ การกลับใจ
จะกลับไป เป็นคนดี ศรีสังคม
17 พฤษภาคม 2548 20:45 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่อเปิดเทอม เริ่มการเรียน ฝึกเขียนอ่าน
ณ โรงเรียน กลางหมู่บ้าน ชานทุ่งท้อง
คุณครูหนึ่ง ยืนนิ่งหน้า ชายตามอง
ยืนรอผอง นักเรียนมา หน้าโรงเรียน
ยืนรออยู่ จากตรู่เช้า จนเข้าสาย
ต้องใจหาย ไร้เด็กน้อย คอยขีดเขียน
ไม่มีใคร สะพายกระเป๋า เข้ามาเรียน
เกิดเหตุเพี้ยน อันใด ไร้คนมา
พลันมีเด็ก เดินหน้า มาเรียนเริ่ม
วันเปิดเทอม เป็นคนแรก แปลกหนักหนา
ถึงประตู วางกระเป๋า เข้าเจรจา
สวัสดีค่ะ คุณครูขา ว่าเช่นเคย
ด้วยอยากรู้ ครูจึงถาม ความเป็นไป
เพื่อนของหนู เขาไปไหน ถึงได้เฉย
เปิดเทอมแล้ว เขาไปไหน ไม่มาเลย
ทำไมเฉย ไม่มาเรียน เพียรวิชา
เจ้าเด็กน้อย พลอยหน้าเศร้า เล่าความบอก
เขาลาออก ไปเรียนใหม่ ในเมืองจ้า
ฟังคำตอบ ความสงสัย ไหลขึ้นมา
สิ่งสำคัญ คือหลักวิชา หรือตราโรงเรียน
เมือเปิดเทอม เริ่มการเรียน ฝึกเขียนอ่าน
โรงเรียนบ้าน ไร้เด็กน้อย คอยขีดเขียน
ครูเดินกลับ ห้องเคยอยู่ สู้พากเพียร
นั่งรอวัน ที่โรงเรียน ถูกปิดตาย