22 มีนาคม 2549 18:57 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่อพ่อแม่ หนูนั่ง ตั้งศาลเตี้ย
แล้วส่งเสีย ให้หนูลับ ดับสังขาร์
ตั้งแต่ได้ ไม่ถึงขั้น วันลืมตา
ก็ต้องมา แตกดับ ลับวิญญาณ
อายุเพียง ร้อยกว่าวัน ในครรภ์แม่
ก็ถูกแร่ เนื้อหนัง สิ้นสังขาร
ถูกดินหยั่ง ฝังร่าง หลังดินดาน
พันธนาการ ในชั้นดิน เมื่อสิ้นลม
หนูผิดใด ร้ายแรง เหตุแห่งโทษ
จึงเหี้ยมโหด มาเข่นฆ่า ให้สาสม
กายแตกดับ เน่าเหม็น เป็นโคลนตม
ถูกทับถม ให้จมกาย ใต้แผ่นดิน
มิหนำซ้ำ มีพี่หนู อยู่สองร่าง
ที่ถูกวาง ตะแคงกาย ใต้แผ่นหิน
ยังเอาหนู มาวางทับ ลงกับดิน
ให้ชีพสิ้น ทั้งสามร่าง สมดั่งใจ
ขันกรวดน้ำ มิเคยหลั่ง ตรงฝังศพ
มิพานพบ ผลแห่งบุญ มาหนุนให้
ผลศีลทาน มิส่งมา สักคราใด
แม้บาตรใส่ ยังไม่มี สักกี่ครา
จิตวิญญาณ ความเป็นคน หล่นไปไหน
จึงเข่นฆ่า ลูกในไส้ ไร้เดียงสา
แค่หนึ่งศพ ก็บาปหนัก ใช่ผักปลา
นี่สามศพ ยังตีหน้า ว่าตนดี
จะจองล้าง จองพลาญ ทุกกาลต่อ
ทั้งแม่พ่อ จะมีหนู อยู่ทุกที่
จะขี่หลัง นั่งคอ คอยต่อตี
เพื่อทวงหนี้ ที่สร้างหนู สู่กงกรรม
จะคอยถ่วง ความเจริญ ทุกเดินก้าว
คงถึงคราว หนูเอาคืน ยื่นความช้ำ
มือเท้าหนู อยู่ผูกติด ลิขิตกรรม
ขอสั่งคำ พิพากษา มาสั่งเวร
22 มีนาคม 2549 18:51 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เอาแผ่นดิน ฝังหน้า ทารกน้อย
อายุร้อย ห้าสิบวัน ในครรภ์หนู
ให้พระแม่ ธรณี นี้เลี้ยงดู
ช่วยผูกอู่ กล่อมจิต สู่นิทรา
พี่ของหนู อยู่สองร่าง ข้างใต้นี้
ธรณี ต่างบรรจบ ลงกลบหน้า
คงดีใจ ที่มีน้อง ต้องอาญา
พิพากษา ให้ต้องตาย แต่ในครรภ์
แม่จึงเลือก เอาที่ว่าง ข้างหลังบ้าน
สร้างสุสาน ให้พวกหนู อยู่ที่นั่น
ซากกระดูก สามพี่น้อง กองรวมกัน
สุสานศัลย์ ก้อนเลือดแม่ แต่นานมา
เกิดผิดที่ ผิดเวลา นะลูกเอ๋ย
ไม่ควรเลย ปล่อยให้ผ่าน ประจานหน้า
เจ้าจึงต้อง ได้ดับดิ้น สิ้นชีวา
ตั้งแต่ยัง ไม่ลืมตา มาเติบตน
กายเจ้าเกิด จากดินน้ำ ลมและไฟ
จงมอดไหม้ กลับที่เก่า เจ้าอีกหน
กองกระดูก ใต้แผ่นหล้า พาต่อตน
จงปี้ป่น หล่นสลาย กลายเป็นดิน
น้ำที่หยาด ลงสู่ดิน ถิ่นฝังร่าง
ฝากดินสร้าง สู่ซากกาย ใต้แผ่นหิน
วิญญาณเจ้า อยู่ที่ใด ให้ยลยิน
อโหสิ ให้แม่สิ้น จากกลิ่นเลว
จงไปเกิด ในที่เขา ให้เจ้าเกิด
ได้โปรดเถิด ไม่อยากให้ ใครว่าเหลว
ไม่อยากให้ ใครตราหน้า ว่าแม่เลว
ว่าแหลกเหลว ถูกประจาน ร่านกว่าใคร
หากยังฝืน จะขืนขับ เกิดกับแม่
กายของจ้า จะดับแต่ แม่รู้ได้
สุสานแห่ง ก้อนเลือด คงเดือดไกล
รับน้องใหม่ กายที่สี่ ลงตีดิน
21 มีนาคม 2549 10:57 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
รัฐเกื้อหนุน กองทุนใหม่ ในหมู่บ้าน
ธนาคาร ย่านชุมชน คนเห่อเหิม
ชาวรากหญ้า เห็นหนทาง ต่างจากเดิม
มีทุนเพิ่ม ประกอบชีพ หยิบเงินทอง
จึงกู้ยืม ธนาคาร ในบ้านทุ่ง
ด้วยมั่นมุ่ง ถีบให้ตน พ้นความหมอง
เมื่อรัฐเขา เข้าเกื้อหนุน ทุนเงินทอง
จึงหลงหลอง จองยืมเงิน เกินจำเป็น
พอมีเงิน ก็เพลินพล่าม ความโอ่อ่า
ซื้อผ่อนผ้า ดาวน์รถยนต์ ให้คนเห็น
ของเฟือยฟุ่ม รุมซื้อใช้ ใช่จำเป็น
เงินยืมไว้ กลับใช่เล่น ไม่เห็นควร
ถึงเวลา ให้เงินคืน สะอื้นอึ้ง
ด่ากูมึง รัฐสร้างหนี้ วาทีสวน
สร้างระบบ ทุนนิยม คมคนครวญ
ชาวรากหญ้า จึงหวยหวน ด้วยจวนจน
ไม่ดูตน ก่อนตราหน้า ไปว่าเขา
ว่ารัฐเอา หนี้มาใส่ ให้สับสน
เขาเอาทุน มาเป็นทาง สร้างตัวตน
ควรหรือคน เอามาใช้ ไม่ถูกทาง
ถ้าเอาทุน ไปหนุนทาง สร้างอาชีพ
สะสมสิบ เป็นร้อยพัน ขยันสร้าง
จะมีไหม ไอ้หนี้สิน จนสิ้นทาง
ไว้กล่าวอ้าง ว่ารัฐเขา ทำเราจน
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันอังคารที่ 21 มีนาคม 2549
เวลา 10.57 น.
21 มกราคม 2549 20:52 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ผีฟ้าเอย..... ให้ฝนให้ฟ้า
ผีฟ้าเอย..... ให้ผักให้ปลา
ให้ป่าให้น้ำ ให้ข้าวในนา
พวกเฮาบูชา ฮักผีฟ้าเอย
ผีฟ้าเอย..... หมู่เฮาเต้นรำ
ผีฟ้าเอย..... หมู่เฮาตำข้าว
ดอกไม้ธูปเทียน ปักไว้หัวเสา
ขอเชิญพวกเจ้า ม่วนหมู่เฮาเอย
ผีฟ้าเอย..... สุราอาหาร
ผีฟ้าเอย..... ของเปรี้ยวของหวาน
ผ้าผ่อนเงินทอง ข้าวของใส่พาน
เพื่อบรรณาการ แก่ผีฟ้าเอย
..............................
เกล้าเกศา มัดเป็นมวย ด้วยปิ่นปัก
ลั่นทมหลัก ปักแซมผม บ่มความหอม
ขมิ้นทา ประโลมร่าง ต่างพะยอม
เสื้อหม้อฮ้อม กระบอกแขน แทนชุดทรง
ผ้าซิ่นไหม เอาใส่เบี่ยง เสี่ยงผ้านุ่ง
สไบสูง เอาเบี่ยงบ่า พาระหง
สายสิญจน์ด้าย สะพายหลัง ต่างเครื่องทรง
แล้วเดินลง ตรงระหว่าง กลางพิธี
ทั้งเครื่องคาว เครื่องหวาน ข้าวสารพร้อม
เครื่องนบน้อม แด่เทพท่าน ขันบายศรี
ทั้งไข่ไก่ ได้จัดวาง กลางพิธี
จุดเทียนศรี เชิญผีฟ้า มาร่างทรง
หมอแคนเข้า เป่าแคนนำ ทำนองร้อง
ร่างทรงของ ผีฟ้ารำ งามระหง
มือรำร่าย กายเยื้องย่าง อย่างอ่อนองค์
ปากรำลง ร่ายคาถา มนตราตาม
ขอผีฟ้า เจ้าแห่งผี ผู้มีฤทธิ์
สู่สถิตย์ มาสู่ข้า อย่ามองข้าม
บันดาลหน ดลฤทธา ลงมาตาม
เพียงชั่วยาม ลูกหลานข้า อาการดี
เหล่าตูข้า มิขัดเครือง เครื่องบวงสรวง
การเจ็บไข้ ภัยทั้งปวง จงล่วงหนี
ขอผีฟ้า ผู้หยิ่งใหญ่ ได้ปรานี
จากบัดนี้ ให้ห่างหาย ภัยโรคา
เอาผ้าขาว ยาวหนึ่งวา พร้อมผ้าถุง
เป็นเครื่องสูง เครื่องคาย ให้ผีฟ้า
ห้ามร่างทรง รับเงินทอง ของราคา
ผิดจาจา ผีปอบเจ้า จะเข้าตัว
เรื่องผีฟ้า มีหรือไม่ ใครเล่ารู้
แต่ทีอยู่ คู่ผีฟ้า มาหลายชั่ว
กุศโลบาย แฝงความหมาย ให้เจียมตัว
อย่าทำชั่ว ผิดวาจา จะพบภัย
วิจิตรวาทะลักษณ์ (นฤมิตรเทวากร)
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2549
เวลา 21.00 น.
20 มกราคม 2549 21:16 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ครั้นเดือนสาม ขึ้นสามค่ำ ตามคองฮีต
พระยาแถน ผู้ทรงฤทธิ์ สถิตย์สวรรค์
ผู้แต่งแปลง แหล่งฝนฟ้า เทวาวรรณ
จะเปิดชั้น ประตูฝน ให้หล่นริน
ครั้นกาลนี้ เหล่ากบใหญ่ จะไร้ปาก
แลเหล่านาค จะไร้ก้น บนธารสินธุ์
มะขามป้อม จะกลับหวาน ผ่านแผ่นดิน
คือกาลกลิ่น ดิถีฤกษ์ บุญเบิกฟ้า
ชาวอีสาน จะตระเตรียม เครื่องบวงสรวง
มาลาดวง พวงดอกไม้ ทั้งไหมผ้า
สุราไห ไก่ตัวตั้ง วางบูชา
ขันบายศรี เพื่อเบิกฟ้า ประตูพิรุณ
ตั้งปอรัม ตามพิธี ศรีเบิกฟ้า
สร้างพลับพลา ทั้งแปดทิศ สถิตย์หนุน
สมมุติสัตว์ ประจำทิศ ฤทธิคุณ
เสี่ยงพิรุณ จะน้อยมาก หรือหลากไป
ทิศอุดร ทักษิณ ถิ่นพายัพ
อิสานกับ หรดี ที่สร้างไว้
ทิศประจิม บูรพา อาคเนย์ไกล
พลับพลาได้ ตั้งระหว่าง กลางพิธี
แล้วเสี่ยงทาย โดยใช้เพียง เสียงฟ้าร้อง
ว่ากึกก้อง อยู่ทิศใด ในกาลนี้
หากเสียงฟ้า ประกาศิต ในทิศดี
ทั้งธานี เหล่าพืชพันธุ์ นั้นอุดม
ชาวนาไร่ จะทำกาล หว่านใส่ปุ๋ย
แล้วเตรียมลุย ลงหน้านา มาสืบสม
เตรียมทำไถ ถากคราดไม้ ให้คงคม
ฝึกควายข่ม ไว้เตรียมดำ ทำนาเรา
พร้อมทำบุญ สู่ขวัญแก่ แม่โภสพ
ผู้พร้อมภพ เทพธิดา แห่งนาข้าว
โปรดประทาน ข้าวในนา ประชาเรา
ให้นาข้าว อุ่นอุดม บ่มแผ่นดิน
วิจิตรวาทะลักษณ์ (นฤมิตรเทวากร)
วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549
เวลา 21.16 น.