18 พฤษภาคม 2550 12:33 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่อแผ่นดินไทยธรรมกัมปนาท
ละเลงวาดสะเทือนสั่นสะท้านทั่ว
ธรณีโศกศัลย์สั่นระรัว
ให้หมองมัวอกสั่นสะท้านไทย
หลายแผ่นดินถิ่นไทยได้สัมผัส
แรงสะบัดคลอนแคลนแผ่นดินไหว
ทั้งตึกรามบ้านช่องต้องแกว่งไกว
ด้วยแรงไหวแห่งแผ่นดินดิ้นครามโครม
ทิ้งรอยแยกแตกระแหงใต้แหล่งหล้า
ไว้ต่างตาความเศร้าเข้าถาโถม
ภายภาคหน้ามหาภัยหมายลุกโลม
เป็นแนวโน้มหาทางวางป้องกัน
อันแผ่นดินถิ่นไทยไหวสะท้าน
ยังพอทานพัดโบกความโศกศัลย์
อันแผ่นดินแตกระแหงด้วยแรงดัน
ยังพอปั้นปิดไว้ให้ยึดคืน
แต่หัวใจไทยทั่วมามัวหมอง
มิปรองดองต่างฝ่ายหมายขัดขืน
ถูกทิฐิจำกัดให้หยัดยืน
มาแยกยื่นแบ่งฝ่ายเป็นหลายชน
จากเคยเป็นหนึ่งเดียวกลมเกลียวรัก
มาแตกหักเป็นฝักฝ่ายอยู่หลายหน
รอยทิฐิจึงคั่นกลางระหว่างคน
ต่างยกตนต่างดีต่างที่มา
กูก็เก่งมึงก็เก่งมันก็เก่ง
ต่างคนเบ่งความคิดกูดูเข้าท่า
หาพวกพรรคยักย้ายหลายราคา
ทั้งอาณาจึงแบ่งแยกแตกสามัคคี
อันแผ่นดินแบ่งแยกแตกเป็นส่วน
ยังพอพรวนถมถับให้กลับที่
แต่คนไทยแตกรักสามัคคี
อีกี่ปีจะคืนคงดำรงไทย
แผ่นดินไหวไทยยังพอตั้งรับ
สะเทือนทับไทยยังตั้งรับไหว
แต่สามัคคีแตกสั่นสะท้านไทย
คงลุกไหม้ให้ไทยล้มจมจูบดิน
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2550
16 พฤษภาคม 2550 15:33 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
โอ้กรุงเทพเมืองฟ้ามหานคร
คืออมรอัมรินทร์ถิ่นสวรรค์
ทิพวิมานสถานฟ้าเทวาวรรณ
ที่เสกสรรบนชั้นวิมานชน
ชื่อกรุงเทพคือเมืองเทพเสพไอทิพย์
จึ่งเลิศลิบลอยระเรื่อเหนือเหตุผล
บรรทัดฐานตระการกล่าวเหนือเหล่าชน
บัญญัติตนชนชั้นสูงรุ่งกว่าใคร
เนรมิตวาดวิมานโอฬารเหลือ
ละเลงเรื่อเจือทองอันผ่องใส
สวมภูษาอาภรณ์อ่อนอำไพ
บริวารรับใช้หลายสิบคน
แล้วหยามเหยียดชนชั้นต่ำว่าต่ำต้อย
บุญมันน้อยเกิดมารอฟ้าฝน
เป็นเพียงไพร่มิเทียบขั้นชนชั้นตน
จนก็จนซ่อมซ่อดั่งขอทาน
ชนชั้นต่ำตามคำเขาเข้าไขว่คว้า
หวังเชิดหน้าขึ้นเสมอเธอว่าขาน
ทั้งปากกัดตีนถีบรีบทำงาน
ก็มิผ่านถึงชั้นอันโสภี
เป็นได้เพียงบริวารของชั้นเทพ
เขาแนมเหน็บเจ็บช้ำทำแต่หนี้
จากฐานถิ่นรากหญ้าสู่ธานี
หวังวิถีเสมอชนบนกรุงไกร
โดนโขกสับยับเยินหาเงินเก็บ
โอ้กรุงเทพมิได้เป็นเช่นฟ้าใส
มันเป็นเมืองเรืองเทพเสพวิไล
มันมิใช่เมืองขี้ข้าหน้าอย่างเรา
อยู่อย่างเทพไปเถิดคนกรุงเทพ
ไม่ทนเจ็บทนทำตามคำเขา
กลับไปอยู่แบบชาวดินถิ่นเกิดเรา
ก็สุขใจกว่าเขาชาวเทพนคร
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันพุธที่ 16 พฤษภาคม 2550
15 พฤษภาคม 2550 18:36 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
อีกกี่หยดเลือดหลั่งล้างพื้นภพ
อีกกี่ศพสังเวยเซ่นการเข่นฆ่า
อีกกี่นัดเสียงกระสุนกรุ่นน้ำตา
อีกกี่คราเสียงโศกศัลย์สะท้านไทย
อีกกี่คนต้องสูญเสียลูกเมียรัก
อีกกี่หลักของครอบครัวต้องมัวไหม้
อีกกี่โลงต้องรองร่างคนข้างไทย
อีกกี่ไฟจะถาโถมโลมแผ่นดิน
อีกกี่เสียงร้องต่อขอให้หยุด
อีกกี่จุดระเบิดใส่คนไทยสิ้น
อีกกี่คำสาปแช่งทุกแหล่งดิน
อีกกี่ถิ่นกี่ที่จะตีแทง
จึงจะหยุดการกระทำอันต่ำช้า
ที่อาจกล้ามาระยำทำกำแหง
มิรู้คุณแผ่นดินกินข้าวแกง
ยังมาแทงข้างหลังให้กังวล
ไม่สมควรได้ขึ้นชื่อคือมนุษย์
มายื้อยุดแยกแผ่นดินถิ่นเกิดผล
เดรัจฉานยังรู้แทนแผ่นดินตน
นี่เป็นคนแท้แท้แต่เลวทราม
บรรพบุรุษเกิดตายมาหลายชั่ว
ยังทำตัวหนักแผ่นดินถิ่นสยาม
มือไม่พายหมายเอาเท้าเข้าราตาม
ช่างเลวทรามต่ำชัดกว่าสัตว์ใด
เลือดในกายมิใช่ไทยหรอกหรือ
ในกำมือจึงถือปืนยืนสาดใส่
เลือดพี่น้องนองร่วมท่วมทั้งไทย
ด้วยน้ำมือหัวใจไทยด้วยกัน
หากยากแยกแผ่นดินเป็นถิ่นใหม่
ก็ข้ามศพคนไทยไปเลยนั่น
หากคนไทยยังไม่ตายไม่มีวัน
จะมาปันแบ่งไทยหลายแผ่นดิน
วิจิตรวาทะลักษณ์(นฤมิตรเทวากร)
วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม 2550
8 กุมภาพันธ์ 2550 16:50 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่ออิสานฐานถิ่นแผ่นดินเก่า
ถูกรุกเร้าด้วยกระแสจนแปรค่า
เมื่อโลกาอภิวัฒน์พัฒนา
มาตรีตรายึดครองจองแผ่นดิน
กระแสนิยมชมชื่นจนกลืนเผ่า
ไม่เหลือเค้าของเดิมจนเริ่มสิ้น
วัฒนธรรมล้ำค่าตราแผ่นดิน
ต้องมลทินว่าเก่าเขาไม่มอง
แม้ชื่อเสียงเรียงนามยังหยามเหยียด
ถูกยัดเยียดชื่อชาติอื่นยื่นสนอง
ชื่อเราเดิมเริ่มเชยเลยไม่มอง
ไปหลงลองชื่อเขาว่าเข้าที
ไม่มีแล้ว แววใจ เด็กชายต้น
ทั้งอ้อมอ้น ต้นขาว สาวสมศรี
ทั้งแก้วใจ แก้วตา ช่อมาลี
ทั้งบุญมี บุญมา หาไม่เจอ
มีแต่แม็กซ์ แซ็กแซงค์ แฟรงค์เฟริ์นฟอร์ด
กอล์ฟเก็ตก็อต ดรีมดริ้งเดย์ เจนิเฟอร์
น้องอาชิ น้องหว่าหวา น้องอาเจอ
น้องอาเธอร์ น้องมายด์มินด์ น้องจิ๋นซี
แล้วอิสานฐานถิ่นแผ่นดินเก่า
ก็โศกเศร้าเมื่อลูกหลานผลาญศักดิ์ศรี
ได้แต่ท้อรอแผ่นดินสิ้นชีวี
จนไม่มีชื่ออิสานเป็นบ้านตน
2 กุมภาพันธ์ 2550 21:41 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เมื่อพายุโหมกระหน่ำเข้าซ้ำใส่
จนหัวใจเคยเข้มแข็งไร้แรงต้าน
ลมโหมหักทนทุกข์จนคลุกคลาน
ต้องซมซานโศกเศร้าอยู่เนานม
เมื่อน้ำตาเอ่อล้นจนท้นท่วม
แล้วไหลรวมเป็นสายธารสานสะสม
พัดเอาใจที่ล้มลุกทุกข์ระทม
ไปลอยลมกลางห้วงเห่ทะเลน้ำตา
ตะเกียกตะกายหมายหลุดพ้นวังวนน้ำ
แต่ความช้ำกลับฉุดดึงจึ่งจมหล้า
จมภวังค์วังวนปนน้ำตา
จนอ่อนหล้าร้องระโหยลงโรยแรง
หากไม่ได้น้ำใจในน้องพี่
มอบไมตรีโดยมิคิดระอิดแหนง
ยื่นมือช่วยโดยมิขังตั้งกำแพง
ยังแสดงน้ำใจส่งให้มา
ฉุดเอาร่างกลางวังวนที่ทนทุกข์
ให้ลองลุกลองชนอย่างคนกล้า
เมื่อกล้าทำต้องกล้าอยู่สู้ชะตา
ใครจะว่าจะเย้ยย่างช่างปะไร
ขอขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ
ความการุณย์จากน้องพี่ที่มีให้
นับจากนี้ขอสัญญามาจากใจ
จะสู้ไปแม้จะท้อก็ขอทน