9 มีนาคม 2548 00:30 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
คิมหันต์หวนรัญจวญหล้าฟ้าพิโรธ
ลงทัณฑ์โทษมวลมนุษย์สุดโศกศัลย์
ธรณินทร์สูญสิ้นน้ำช้ำชีวัน
แผ่นดินดาลระแหงเห็นเป็นกังวล
ทั้งห้วยหนองคอลงบึงซึ่งเคยไหล
กลับมอดไหม้เหือดแห้งทุกแห่งหน
ดินดำชุ่มชะอุ่มหล้าพาเติบตน
กลับล่วงพ้นระเหือดแห้งแล้งแผ่นดิน
แม้แล้งฝนจนน้ำค้ำชูช่วย
จบแทบม้วยมรณามาดับดิ้น
อย่าได้แห้งแล้งน้ำใจไหลหลั่งริน
เป็นสายธารกระแสสินธุ์ทั่วถิ่นไทย
อันแผ่นดินขาดน้ำนองต้องหมองหม่น
พอได้ฝนมาพร่างพรำชุ่มฉ่ำได้
อันคนจนอยากแค้นแสนอาลัย
รอน้ำใจมาเอื้อเฟื้อเพื่อฟื้นฟู
9 มีนาคม 2548 00:15 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
บรรพชนบนแผ่นดินถิ่นสยาม
สู้สงครามดำรงไทยไว้กี่หน
ไทยจึงอยู่คู่เคียงฟ้ามาชั่วคน
เลือดหลั่งล้นท่วมท้นถิ่นแผ่นดินดาล
กี่หยดเลือดบรรพชนที่ทนสู้
กี่หยดเหงื่อที่พรั่งพรูกู้เมืองบ้าน
กี่ชีวิตที่ยอมพลีชีพชีวัน
เทอดไทยนั้นไว้เหนือยิ่งกว่าสิ่งใด
อดีตกาลเลือดไทยนองต้องพื้นภพ
เพราะศึกรบเลือดวีรชนจึงหล่นไหล
อริราชศัตรูเข้าเอาเวียงชัย
จึงป้องภัยให้บ้านเมืองมิเคืองครัน
แต่วันนี้เลือดไทยไหลรินหล่น
วิญญาณชนบรรพกาลพาลโศกศัลย์
เมื่อคนไทยหันมาเข่นฆ่ากัน
ช่างไม่อายดาวงวิญญาณ บรรพชน
9 มีนาคม 2548 00:07 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ต้นไม้ใหญ่แผ่ใบบังเป็นรังร่ม
ต้องล่วงล้มเมื่อเลยวัยในเบื้องหน้า
ย่อมวาดหวังให้เบี้ยไม้ใต้ชายคา
โตเติบกล้าเป็นไม้ใหญ่ได้แทนตน
ต้นไม้ใหญ่ดั่งผู้ใหญ่ในวันนี้
ก็ย่อมมีวันแตกดับลับล่วงพ้น
ย่อมวาดหวังให้เด็กน้อยคอยช่วยตน
ดำเนินผลดำรงไทยให้งดงาม
เจ้าต้นกล้าของแผ่นดินถิ่นไทยเอ๋ย
อย่าละเลยดำรงศิลป์ถิ่นสยาม
หากมาดแม้นยาเสพย์ติดคิดลุกลาม
จงน้อมนำหน้าที่เราเข้าป้องกัน
จงจารึกตรึกตรองจิตคิดถ้วนทั่ว
ไทยหมองมัวหรือโรจน์รุ่งมุ่งหมายมั่น
อยู่ที่เราจะสรรค์สร้างสู่ทางธรรม์
จงสร้างสรรค์ความยิ่งใหญ่สู่ไทยเทอญ
3 มีนาคม 2548 02:05 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
สลักกร่อนศิลาแกร่งจากแท่งหิน อักษราโสภิณศิลป์อักษร
สลักเสลาอักษรส่งอลงกรณ์ สืบสะท้อนวิถีไทยในก่นกาล
บรรพชนผองไทยได้เสกสร้าง สืบหนทางแห่งคุณค่าภาษาสาร
เอกศิลป์ถิ่นไทยในตำนาน ผสมผสานงานล้ำค่าภาษาไทย
ประจักษ์แจ้งทุกแหล่งหล้าสุธาภพ บรรจงจบศรีสวัสดิ์นิรัติศรัย
ดำรงค่ามาให้เห็นความเป็นไทย ทั่วโลกได้แจ้งประจักษ์หลักศิลา
ชนรุ่นหลังได้สั่งสมบ่มวิถึ ก็เพราะมีศิลาแกร่งแหล่งภาษา
ใช้สื่อสารสร้างงานศิลป์ถิ่นพารา อนันต์ค่าภาษาไทยในแผ่นดิน
3 มีนาคม 2548 01:50 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
พิภพพื้นสะอื้นอึ้งรำพึงพร่ำ กำสรวลซ้ำโศกโศกาแทบอาสัญ
เมื่อสายน้ำมิอ่อนเอื้อเกื้อชีวัน จึงซัดซ่านธารกระแสแก่แผ่นดิน
ประกอบก่อต่อเป็นคลื่นทะมึนมั่น แล้วซัดซ่านสายธารแท้กระแสสินธุ์
มุ่งหน้านำทำลายล้างข้างแผ่นดิน สลายสิ้นชนชีพไทยได้สังเวย
ดารดาษกลาดเกลื่อนศพบรรจบฟ้า ทรายโสภาต่างเมรุเรียงเคียงเขนย
เศษซากไม้ต่างหมู่หมอนนอนก่ายเกย ทะเลเอ๋ยดั่งมัจจุราชพิฆาตชน
ทะเลคลื่นทะมึนฟ้ามาพัดผ่าน ดินเดือดดาลพาลร่ำร้องก้องเวหล
ฤาจะสู้ธารน้ำใจไทยทุกคน ที่หลั่งล้นซับน้ำตาผู้อาทร