25 เมษายน 2548 17:53 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
มหานที ศรีชลธาร อันกว้างใหญ่
เป็นมหา คงคาลัย ในแผ่นพื้น
ไกลเกินกว่า ในหล้ารอบ ขอบโลกยืน
เป็นแผ่นพื้น มหาสมุทร สุดโลกา
พิรุณหล่น ร่วงลงหล้า หน้าวสันต์
ไหลรวมกัน เกิดสายธาร อันเลิศหล้า
ไหลลงรวม ท่วมทะเล ดั่งเทมา
มิเติมเต็ม ให้มหา ชลาชล
ร่วมล้านวัน เป็นพันปี ที่นานเนิ่น
สายน้ำเดิน จากเนินย่อม พร้อมสายฝน
สู่เหวห้วง แห่งมหา ชลาชล
มิเคยท้น ท่วมนที นี้สักวัน
ทะเลหรือ ฤาอิ่มน้ำ ย้ำฉันใด
มนุษย์หรือ ฤาอิ่มได้ ในฉันนั้น
กองกิเลส ครอบงำคน พ้นทางธรรม์
จึงไขว่คว้า สารพัน นั้นสู่ตน
จากเริ่มก่อ แต่พอกิน มิสิ้นศีล
เป็นป่ายปีน กำพืดไพร่ ให้ผ่านพ้น
ลืมคุณค่า แห่งความหมาย ในกายตน
ตะเกียกตะกาย หมายให้พ้น จากโคลนตม
เสียงสงคราม ตามแย่งชิง ความยิ่งใหญ่
จึงลุกไหม้ ให้มอดม้วย ด้วยขื่นขม
มหานที แห่งความโลภ ละโมบตรม
จึงทับถม ให้ล้มตาย ใต้ทะเล
24 เมษายน 2548 16:41 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
อัคร พระนารี ศรีสยาม
พระแม่แห่ง ฟ้าคราม สยามศรี
พระทรงห่วง ปวงประชา ในธานี
ทรงประทาน พระราชเสาวนีย์ นี้สู่ไทย
อันแดนใต้ ไฟสงคราม ยังลามอยู่
ให้หดหู่ จะนิ่งเฉย เลยไม่ได้
จงช่วยกัน ทำหน้าที่ ศรีคนไทย
จงร่วมใจ ร่วมประนาม ถึงความเลว
ขอสนอง พระราชดำรัส ที่ตรัสสั่ง
จะยืนยั้ง สาปแช่งไป ให้ตกเหว
มันผู้ใด ทำลายไทย ดั่งไฟเปลว
คือคนเลว ที่คนไทย ไม่ต้องการ
มันตอบแทน ผืนแผ่นดิน ถิ่นเมืองเกิด
ด้วยระเบิด กระสุนปืน มาคืนขาน
นี่น่ะหรือ คือสิ่งแทน ดินแดนดาล
ที่ให้บ้าน มันอาศัย ได้หลับนอน
มันจะเดิน ลงดิน ในถิ่นนี้
แม่ธรณี จงสูบกาย ให้ตายก่อน
แม้เดินตรง ลงธารา และสาคร
แม่คงคา อย่าผลัดผ่อน จงนอนตาย
แม้ออกเดิน กลางดินแดน ใต้แผ่นฝ้า
อัสนีบาต ฟันฟาดมา อย่าหนีหาย
แม้อยู่กลาง ป่าเขา ลำเนาไพร
เหล่าผีป่า อย่าได้ไว้ ให้ชีวัน
ให้มันตาย ด้วยศาสตรา นานาวุธ
ให้ถูกฉุด อเวจี ลงที่นั่น
สิ่งศักสิทธิ์ สถิตย์หล้า สารพัน
ลงโทษมัน ให้มอดม้วย ด้วยทันที
ขอเพื่อนพ้อง น้องพี่ ที่ได้อ่าน
จงขับขาน เพลงประนาม ตามทุกที่
ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อไทย ได้เปรมปรี
ให้ชาตินี้ ได้ร่มเย็น ดั่งเป็นมา
17 เมษายน 2548 22:20 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
ขวานทองไทย เทอดถิ่นไท้ ไทยประจักษ์
เป็นรั้วหลัก ปักถิ่นฐาน บ้านไทยผอง
เราหลอมรวม ร่วมเป็นบ้าน ขวานไทยทอง
จึงปกป้อง เพื่อนผองไทย ได้ร่มเย็น
หากขวานทอง ของถิ่นไทย ใจแตกแยก
แผ่นดินแตก แยกระแหง แบ่งให้เห็น
อันขวานทอง ของไทยเอ๋ย เคยร่มเย็น
ถูกแบ่งเห็น เป็นสองส่วน ชวนโศกา
อันขวานคม ไม่มีด้าม ยามบากบั่น
ไม่มีวัน ได้ดั่งใจ ในเมื่อหน้า
ฤาจะรบ ปรบมือได้ ถ้าใครมา
ฤาจะเหลือ คำว่า ประเทศไทย
อันขวานคม มีแต่ด้าม ยามกรำศึก
จะเฮิมฮึก สุดกำลัง มิหวังได้
แม้เก่งกล้า มาพร้อมพรัก สักปานใด
ขวานยิ่งใหญ่ ไร้ใบขวาน ก็พาลพัง
ขวานทองไทย จะคู่ถิ่น ผืนดินนี้
ถ้าน้องพี่ ร่วมใจรัก เป็นหลักยั้ง
ต่างเชื้อชาติ ศาสนา มารวมพลัง
เพื่อขวานทอง ถิ่นไทยยัง สร้างคนไทย
17 เมษายน 2548 22:00 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เขาพระสุเมรุ เป็นเสาหลัก แห่งจักรวาล
เป็นแก่นสาร แทนไม้กวน ในส่วนนี้
เอาจุ่มลง ตรงธารา มหานที
ทำพิธี กวนเกษียรสมุทร หยุดโลกา
มหานาค ราชาผอง ครองบาดาล
เป็นเชือกรัด มามัดผ่าน อันแน่นหนา
พันตัวรอบ ขอบพระสุเมรุ เป็นวงมา
ให้เทวา อสุรกาย ได้ดึงวน
ฝ่ายเทวา ผู้ผ่านฟ้า ณ สรวงสรรค์
เพื่อตนนั้น จึงได้คิด ปัดพิษผล
จึงขอดึง ซึ่งหางนาค ไม่อยากยล
กลัวนาคปน พ่นคายพิษ ให้ติดตัว
ฝ่ายอสูร ให้ติดตรึง ซึ่งเศียรนาค
แล้วค่อยดึง กึ่งลาก หากถ้วนทั่ว
จะได้น้ำ อัมฤทธิ์ ติดตามตัว
อมตะ อยู่ถ้วนทั่ว ติดตัวไป
โอ้นาคา เทาวาเจ้า เหล่าอสูร
โปรดการุณ แก่เรานี้ อย่าหนีไหน
ขอท่านจง กวนเกษียร สมุทรไทย
แล้วมอบน้ำ อัมฤทธิ์ให้ ไทยทุกคน
ไม่ต้องการ ให้ผองไทย ได้อมตะ
มีชีวิต เหนืทอวัฎฎะ แห่งกรรมผล
แต่ขอให้ น้ำอัมฤทธิ์ ดลจิตคน
ให้ผองชน คนไทย ได้รักกัน
16 เมษายน 2548 12:40 น.
วิจิตรวาทะลักษณ์
เสียงเพลงพิณ ประพันธ์พร้อม กล่อมท้องทุ่ง
บรรเลงรุ่ง ทั้งทุ่งท้อง ครรลองอิสาน
ดั่งเพลงพิณ บอกเรื่องเล่า กล่าวตำนาน
มาขับขาน ผ่านเสียงพิณ ศิลป์ประพันธ์
ประสานเสียง เพียงเพลงคำ ลำนำล่อง
ท่วงทำนอง ภาษาศิลป์ สิ้นโศกศัลย์
เล่าเรื่องราว คราวก่อนหน้า สารพัน
ผสมสรรค์ ผ่านเพลงพิณ บนถิ่นไพร
ยามเย็นย่ำ สุริยัน จะพลันลับ
จันทราจับ กับขอบฟ้า ดาราไกล้
หมู่หนุ่มสาว ชาวอิสาน บ้านป่าไพร
ร่วม้อไฟ ร่ายรำร้อง ทำนองพิณ
ลุล่วงปี ที่ผันผ่าน สู่วันใหม่
วิถีไทย ในอิสาน พลันสูญสิ้น
ไม่มีแม้ แต่แว่วเสียง เพียงเพลงพิณ
สำเนียงศิลป์ ถิ่นอิสาน ก็พลันพัง
ยินแต่เสียง เพียงกีตาร์ มาแทนที่
เพลงพิณนี้ ไม่เหลือแม้ แต่ความหลัง
เสียงรำร่วม ที่ร่ำร้อง ต้องพ่ายพัง
ที่เหลือยัง แต่เพลงร็อค ออกมาแทน
คีตศิลป์ ถิ่นอิสาน อันเคียงคู่
ต้องหดหู่ ไร้ลูกหลาน นั้นหวงแหน
กลับปล่อยให้ ของใครเขา เข้ามาแทน
พิณรำแพน ต้องรำพัน โศกศัลย์ใจ