31 พฤษภาคม 2547 20:10 น.
วิจิตร ภู่เงิน
กามเทพแผลงศรลงตรงอก
ตัวพี่ตกเป็นทาสแทบบาทเบื้อง
ของนางน้องโปรดอย่าได้ขุ่นเคือง
หากตัวพี่มีเรื่องจะเว้าวอน
เห็นหน้านวลทุกวันโอ้น้องเอ๋ย
แต่พี่มิได้เผยรักบังอร
เพียงเมียงมองหน้านวลอรชร
ยามเข้านอนฝันเพ้อไปแสนไกล
ศรกามเทพปักสลักลง
เขียนบรรจงถ้อยรักถึงแขไข
ว่ารักมากรักนวลจากดวงใจ
ขอไฉไลพินิจถ้อยวาจา
อย่าคิดเลยว่าเป็นความมักมาก
ทุกคำกลั่นออกจากเสน่หา
หลงรักนวลนานแล้วโอ้แก้วตา
แต่ไม่กล้าบอกไปกลัวซ้ำตรม
เฝ้าแต่เพ้อแต่ฝันหลายค่ำคืน
ละเมอตื่นไม่เห็นหน้าขื่นขม
ใจพี่ร่ำร้องหาอยู่ระงม
ได้แค่ชมยามฝันในวันดี
ยิ้มแย้มยามพบหน้านวลนางน้อง
ใจพี่ร้องร่ำเชยเพียงนวลศรี
ศรรักปักหนักแน่นในฤดี
ถ้อยวจีฝังตรึงในอุรา
อนึ่ง ศรกามเทพเจ้าเอ๋ย
เจ้าปักเลยใจนวลฤามิว่า
ผ่านผิดไปไกลรักของแก้วตา
เสียบปักคาตัวข้าเพียงคนเดียว
31 พฤษภาคม 2547 19:54 น.
วิจิตร ภู่เงิน
นวลเนื้อนางเติมแต่งดั่งแสงจันทร์
ฟ้อนลาวัณย์ยิ้มแย้มยั่วยวนใจ
เชยเชื้อเชิญใจชายให้ชิดใกล้
สั่นรัวไหวลอยล่องตามทวงท่า
กรีดกรายร่ายรำงามยิ่งจำเริญ
เมียงมองเพลินเพริศพริ้งเสน่หา
ชายหลงไหลเจ้าแล้วแม่แก้วตา
จึงนำพามาลัยคล้องพุ่มพวง
ผ่านเพลาท่ารำยิ่งล้ำเลิศ
งามบรรเจิดเฉิดฉายชายห่วงหวง
กลัวแก้วตานางรำใครใคร่ควง
หลงติดบ่วงคารมผู้ชมปอง
จินตนาอารมณ์ของชายชื่น
ยามแลฝืนข่มใจมิไห้ร้อง
เพียงสบตาฝ้าฟางผิดทำนอง
ท่าทีฟ้องชายแล้วแม่แก้วขวัญ
แสงจันทร์ผ่องส่องนางให้ผิวผาด
งามดั่งวาดเนื้อนิ่มอิ่มน้ำนวล
ชายใคร่ชมบ่สมคงรัญจวน
ครางคร่ำครวญร่ำหาจนวางวาย
30 พฤษภาคม 2547 00:57 น.
วิจิตร ภู่เงิน
เป็นนางงามยามชายใคร่โลกีย์
เสพลาลีเริงรำละเลิงกาม
คาวคละคลุ้งในกลิ่นเหงื่อเนื้อน้ำ
หอมหวนคำพร่ำพลอดเพียงชั่วคราว
กลิ่นนวลนางหอมทั่วชายชั่วโฉด
ที่ปรานโปรดรสเลือดในเนื้อสาว
ตวัดลิ้นเลียรักอันคละคาว
นวลนางเจ้าสะท้านสะเทือนไหว
ลองมาทั่วคาวกลิ่นของสาปชู้
พินิจรู้น้ำตาซ้ำหลั่งไหล
เป็นเช่นนี้เจ้าเลือกหรือเพราะใคร
เพียงผีห่าตนใดให้เจ้าเป็น
กลิ่นคลุ้งคาวติดนวลฤาอวลอบ
สาวเจ้าพบรักแรกที่มองเห็น
เล่ห์คารมบ่มเพาะเกาะกลายเป็น
รักกระเซ็นจนทางด้วยราคี
ไม่ติดใจคาวกลิ่นที่ติดตัว
สาวเจ้าชั่วโรคห่าติดภูตผี
กลัวแค่ตัวนำพาให้คนดี
ดิ่งลงลี้เหวลึกจะซ้ำตรม
จึงตัดใจบำเรอฝูงภูตผี
อเวจีสูบส่อนกินเลือดขม
สาวนางเจ้ากลืนกัดความระบม
ปล่อยตามรมณ์โลกีย์ให้ผีเชย
29 พฤษภาคม 2547 12:39 น.
วิจิตร ภู่เงิน
ร้อยมาลัยใบข้าวให้สาวนวล
ครั้นเมื่อจวนจากนางไปกรุงศรี
สัญญากันวันหน้ามินานปี
ตัวพี่มีมั่งมาได้มั่นนาง
ลมยามเย็นย้ำเตือนถึงเรือนอยู่
พี่หดหู่หัวใจเมื่อไกลห่าง
นวลบังอรอ้อนอ้อยคนคอยทาง
เกรงเจ้าร้างรักพี่เพียงมินาน
จันทร์นวลเด่นเย็นดาวสกาวสด
ฝากคูคดคลองห้วยช่วยขับขาน
ส่งเสียงกล่อมเกี่ยวใจแม่กลิ่นกานต์
คล้องประสานสมดั่งดวงปทุม
เสียงเรไรไพรพฤกษ์ยามดึกดื่น
แลค่ำคืนฟืนไฟใคร่ก่อสุม
ฝูงวัวควายห้วยคดคันงานมุม
บึงน้ำลุ่มลึกใสใครช่วยทำ
แลใบตาลต้องลมนวลชมงาม
เรียมถูกถามทรามนวลว่าชวนขำ
กังหันลมลู่เล่นเป็นประจำ
เปรียบน้ำคำพร่ำพลอดหรือพี่ยา
กระท่อมฟางนางนั่งแลกังหัน
เสียงไก่ขันวันรุ่งร้างอุรา
พี่จำใจไกลแล้วหนอแก้วตา
ยอดชีวาลาไปเพียรให้คอย
สายลมเย็นพัดปลิวผิวผ้าซิ่น
น้ำตารินรดไหล่ให้เหงาหงอย
อย่าร้องไห้ไปเลยลาแก้วกลอย
จากทุ่งรอยไถ่หว่านมินานปี
29 พฤษภาคม 2547 12:16 น.
วิจิตร ภู่เงิน
โค้งขอบฟ้ารุ้งคาดวาดสีแต้ม
หยดน้ำแซมโค้งฟ้าเวหาหน
ใจหนอใจอยากมีใครสักคน
เดินไปบนปลายฟ้าทิวาลัย
เส้นขอบฟ้าแสนไกลใจยังมั่น
มีความฝันเดิมพันวันสดใส
ออกเดินทางตามฝันด้วยแรงใจ
หวังสักวันมีใครร่วมเดินทาง
จูงมือเดนด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
กำลังใจเป็นทุนให้สรรค์สร้าง
สิ่งดีคงมีมาไม่จืดจาง
ร่วมเคียงข้างพูดจาให้พาเพลิน
แม้ขวากหนามขวางกั้นเราสอง
จะปองดองฝ่าฟันพร้อมก้าวเดิน
ไปบนสายรุ้งฝันอันจำเริญ
หวังเหลือเกินสักวันได้พบพาน
สายรุ้งบนฟากฟ้ายังสดใส
นกขมิ้นละไมร้องขับขาน
รอหวังให้เธอคนนั้นเดินผ่าน
มาเจือจานเติมใจให้เต็มทรวง
เพียงวาดฝันวันหวานบนสายรุ้ง
มีเธอจูงมือเดินมิได้ห่วง
อุปสรรคแม้มีมากั้นขวาง
จะผ่านล่วงเลยไป.........ได้ด้วยดี