20 กุมภาพันธ์ 2548 20:40 น.

ธาตุแท้ของมนุษย์

วารี ที่สลาย

..........มนุษย์เอ๋ย มนุษย์
บริสุทธิ์....ของเจ้า...นั้นมีไหม
ความพอดี.....สิ่งของตน...คนใดใด
ก็สิ้นไร้.......ปัญญา....พาอัปรีย์

มนุษย์นี้...มีทุกข์...ปลุกกำเนิด
มนุษย์นี้....ทำเลิศ..ย่ำศักดิ์ศรี
มนุษย์เลย..เคยสนใจ..ไหมชีวี
มนุษย์นี้...เนรคุณ...สกุลเอย...

_________________________


เน เอ๋ย..เนรคุณ
พ่อเฒ่า การุญ แม่เติบใหญ่
หวังชีวิต ภายหน้า ลูกกล้าไกล
ตอบแทนใจ พระคุณ ดุลประคอง

คิดผิดแล้ว ลูกดี หามีไม่
ทำตัวไร้ คุณค่า พาหม่นหมอง
อยู่ได้แล้ว ทิ้งพ่อแม่ แต่กับคลอง
ทิ้งให้ทุกข์ ลอยล่อง ของถิ่นเอย

_________________________
หยั่งในลึก นึกคำ นำปราศัย
ความจริงใน มนุษย์ ที่พบเห็น
สร้างทุกข์ยาก พรากใจ ให้ลำเค็ญ
มิใช่หรอก ไม่ใช่เป็น มนุษย์เรา

เนรคุณ บุพการี มีหรือไม่
ดั่งตั้งใจ ทิ้งให้ท่าน ในความเศร้า
อยู่กับความ เริงรีย์ ให้มัวเมา
ช่างโง่เขลา เหย้าเตือน เรือนดวงใจ

พอเถอะ................
ยิ่งคิดยิ่งเลอะเทอะ เข้าไปใหญ่
หรือจะมี ความจริงในข้างใน
หรือจะ มีอะไรในใจคน

ดั่งสึนามิ เข้าโหมใส่
ดวงใจ เช่นเดียว หมองม่น
เวียนว่ายตายเกิด เหมือนสายชล
อย่างเล่ห์กล มนุษย์ หยุดเท่าดี
__________________

ไม่เหลือตัวตนที่มนุษย์ จะได้ขึ้นชื่อว่ามนุษย์อีกต่อไป
คำว่า กตัญญู จะไม่มี ที่เข้ามาแทนที่  คือ.........เนรคุณ				
15 เมษายน 2556 02:18 น.

อาฟเตอร์ช็อค

วารี ที่สลาย

วิกฤตการ์ณ เกิดทันใด ใจแทบสิ้น
ทั่วแผ่นดิน ร้าวแยก แตกสลาย
น้ำลดลง เลียบล้น พ้นหาดทราย
ต่างกลับกลาย เป็นคลื่นสูง ถล่มเมือง

เวทนา ตะกั่วป่า สลดสุด
คลื่นน้ำฉุด ชีวิตคน อยู่ลือเลื่อง
เสาไฟฟ้า ข้าวปลา ลอยเนืองๆ
ความขุ่นเคือง หายราบ เป็นนาบกรอง

พังงา ..​ ในวันนั้น
เมื่อถึงวัน น้ำลดสยดสยอง
ผู้คนเฮ หนืกัน เป็นครรลอง
ทิ้งข้าวของ ไว้ในบ้าน ลานของตัว

น้ำพุ่งสูง ราว๗  ถึง๑๐ เมตร
บริเวณเขต น้ำเค็ม สูงเกินหัว
บ้านเรือนลอย ตามน้ำ กว่าหมื่นครัว
เมื่อเห็นคลื่น ก็กลัว วิ่งหนีไป

ต้องมาวิ่ง เป็นเท้าไฟ ให้รีบบึ่ง
คนสิ้นซึ่ง ตายลิ่น แผ่นดินไหว
DTACมา เอาหน้า ว่ากันไป
โทรฟรีไซร้ ทั่วประเทศ เขตแดนดิน

เหตุเกิดมา ๓ ลูก จนสลบ
ยังไม่พบ ผู้สูญหาย สลายสิ้น
อันกระบี่ พังงา เป็นอาจิน
จะกิกิน มิได้ลง ต้องปลงใจ

จากข่าวนี้ ประชา รู้กันเถิด
มันจะเกิด อีกครั้ง เรารู้ไหม
อย่าด่าโทษ กรมอุตุ ระบุไป
เมืองบรรลัย เห็น ฤทธิ์ อนิจจัง

				
9 พฤศจิกายน 2547 20:26 น.

พนาร้างดั่ง ...ใจคน

วารี ที่สลาย

วิจิตรน้ำ คูเคย ที่สร้างฝัน
กลับแปรผัน เป็นอื่น จนหมองไหม้
ต้นไม้งอก ตามชายป่า พร่าเลือนไป
เหลือแค่เศษ กิ่งไม้ ตามพื้นดิน

แปลงดอกไม้ ที่ปลูก เป็นลูกนั้น
ถูกคนกัน เหยียบหย่ำ ปาก้อนหิน
ต้นไม้เคย สง่าชัน บุกบั่นดิน
ก็จบสิ้น สุดแล้ว แต่ใจคน

เมื่อผ่านไป ย่ำเหยียบ เลียบชายป่า
จะถากถา ถอนราก ใครไม่สน
เดินมุงหน้า ไม่รอคอย นี่แหละคน
แสนฉ้อกล เหลี่ยมเหล่ พร้อมมายา

เปรียบสังคม เหมือนดั่ง ธรรมชาติ
ช่าวประหลาด คนนั้น ลึกล้ำหนา
ทำลายได้ ธรรมชาติ ที่ผ่านมา
เหลือเวลา เศร้าสร้อย น้อยในทรวง

สิ่งที่คน ไขว่ขว้า หาดวงจิต
เพียงแค่คิด เพื่อลูกรัด ที่จักหวง
หวงแต่ลูก หลอกถ้อย ร้อยคำลวง
กลายเป็นบ่วง ผูกกรรม ที่ทำกัน

เป็นอย่างนี้ ดีหรือ ฝึกปรือคิด
สนุกจิต สนุกถ้อย ร้อยสุขสันต์
แต่พวกเขา คนเรา หรือสัตว์มัน
จะทุกข์กัน เรานั้น  สุขอะไร

แด่ดอกไม้ อยู่ได้ ที่ชายป่า
แม้ดอกหญ้า ปลายยอด ยังสั่นไหว
มันเหมือนคน อ่อนนุ่ม ละมุนละไม
แต่เสียที คนเปรียบได้ ดั่งดป๊ยเซียน

เป็นหนามแหลม จักแจง ทิ่มแทงคน
พูดอะไร ไม่สน เล่นหัวเศียร
เราเป็นเด็ก ควรขยัน และหมั่นเพียร
ผู้ใหญ่ สอนนักเรียน นั้นทำไม

เพราะผู้ใหญ่ ไม่เคยทำ ตามคำสอน
ยังนิ่งนอน คำสอนนั้น เคยทำไหม
ทำลายป่า พร่าชีวิต วิญญาณไป
เหลือแค่ได้ ทุ่งร้างกลางพนา				
19 ตุลาคม 2547 14:54 น.

กลอนแต่งทำไม

วารี ที่สลาย

กลอนอะไร ทำไม ผมต้องแต่ง
กลอนแผลงแผลง แต่งแล้ว ดีไฉน
แต่งแล้วยัง ไม่รู้ อั๊วเป็นใคร
แต่งแล้วได้ สาระ อะไรดี

เป็นคนบ้า หมกตัว อยู่ที่ห้อง
เอาแต่ร้อง ขับกล่อม บทกลอนนี้
แต่แต่งแล้ว ไร้สาระ  ซะทุกที
กลอนดีดี ผมทำพัง อะไรกัน

กลอนที่แต่ง ออกมา ไม่เหมาะเจาะ
ยังไม่เพราะ ไม่รุ่ง ไม่สุขสรรค์
แต่งไปได้ ขอให้อยู่ ไปวันวัน
แล้วมาพลัน หยิบสมุด แต่งบทกลอน 

อ่านให้คน คนไม่ฟัง น่ากังขา
อ่านให้หมา หมาฟัง หมายังหอน
เอ๊ะ !กลอนผม หรือ สวดผี  เสียงขจร
เพราะแต่งกลอน ไม่ชำชอน ก็อย่างนี้

สุนทรภู่ ครูกลอน อักษรศิลป์
ได้ยลยิน คงพลัน หันหน้าหนี
โอ้ กลอนกู สูเจ้า เล่าอัปรีย์
หันวิธี เหมือนคลอง ปองสามนา

ครับไม่มีอะไรมากหรอก 
ครับ แค่พึ่งแต่งกลอน แล้วก็พึ่งสมัคร ก็เลย
มั่วสักครั้งนึง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวารี ที่สลาย
Lovings  วารี ที่สลาย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวารี ที่สลาย
Lovings  วารี ที่สลาย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวารี ที่สลาย