8 ตุลาคม 2547 00:51 น.
วารินลับแล
เขาชอบดำ.......เธอชอบขาว
เขาชอบเพลงใต้ดิน........เธอฟังเพลงสบายๆ
เขาตัวสูง........เธอไม่สูง
เขาเรียนไม่เก่ง........เธอท็อปเกือบทุกวิชา
เขาเก่งกีฬา.........เธอไม่เคยวิ่งทันใครเค้า
เขาชอบเสียงเครื่องยนตร์........เธอเกลียดความเร็ว
เขาชอบฝน......เธอกลัวเสียงฟ้าร้อง
เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่เรื่องมาก..........เธอร่าเริงและจำเป็นต้องมีคนอยู่รอบด้าน
เขาเก็บความรู้สึกและระบายลงสมุดบันทึก........เธออ่อนไหว ขี้เหงาและช่างรู้สึก
เขาน้ำตาซึมเพราะมองไม่เห็นค่าของตัวเอง.......เธอร้องไห้ให้ความเดียวดายที่เกาะกุมหัวใจ
เขาชอบเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ.....เธอชอบมิตรภาพที่ใครต่อใครมอบให้
แต่กระนั้น .. ผู้คนมากมายที่รายล้อมก็ไม่ได้ทำให้เธอหายว้าเหว่
ทุกครั้งที่เขาเหงา.. เธอจะนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่เรียกร้องความสนใจ
ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ .เขาไม่มีคำปลอบโยนเพียงแค่กุมมือเธอไว้
ทุกครั้งที่เขามองเห็นเงาตัวเองในกระจก ..
เขาจะเห็นเพียงผู้ชาย...ที่ไร้ความสามารถและไม่มีความสำคัญกับใคร
แต่เธอกลับมองเห็นผู้ชายคนนึง.....ที่สามารถปกป้องเธอได้และมีค่ามากมายสำหรับเธอ
ทุกครั้งที่ฝนตก .เธอจะนั่งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง
ฝนพัดพาความเหงามาให้ เสียงฟ้าร้องเรียกความกลัวมาใกล้
แต่ทุกครั้งที่ฝนตก เขาจะโทรศัพท์หาเธอ และจะอยู่ตรงนั้น
จนกระทั่งฝนหยุดตก......แม้จะไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ
เขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่ไม่เคยรู้สึกอึดอัด
เขาและเธอ.....อยู่ด้วยกันในความเงียบ.....แต่เหมือนกับได้พูดคุยกันตลอดเวลา
เขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกอุ่นในใจ
เขาและเธอ.....เหงาด้วยกัน.....แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้น
ความรักไม่ต้องการความเหมือนกัน
แต่ ความรัก ต้องการการ Take Care ดูแล ใส่ใจไว้ใจและเข้าใจ
5 ตุลาคม 2547 00:28 น.
วารินลับแล
ถ้าเลือกได้ เพียงคนเดียว ..
ถ้าคนๆหนึ่งเปรียบเหมือนสายฝน
เป็นหยดน้ำที่เย็นฉ่ำสดชื่น..แต่ชั่วประเดี๋ยวอาจหยุด
ชั่วประด๋าวตกมาโครมครืน
คนๆนี้มีถ้อยคำเป็นสายฝน
ที่จะหยดมาแต้มความเย็นชื้นให้หัวใจคุณ
ชั่วประเดี๋ยวก็หยุด ให้คุณค้นหา
ชั่วประด๋าวมาใหม่ ให้คุณอิ่มเอม
เล่นอยู่กับสายฝนที่จริงก้อสนุกดี
แต่อย่าลืมว่า เล่นกับมันมากไปก็จับไข้ได้เหมือนกัน
ถ้าคนๆหนึ่งเปรียบเหมือนอากาศ
เราหายใจกี่ครั้งต่อวันไม่มีใครนับ
และเราก็มักลืมเลือนไปว่าเรากำลังหายใจเอาอากาศเข้าไปอยู่
เพราะการมีอยู่ของอากาศ เรามองไม่เห็น
และมันก้อบางเบาจนคิดไม่ถึง
คิดไม่ถึงว่าที่จริง..อากาศแวดล้อมเราอยู่ใกล้ๆไม่ไกลเลย
คนๆนี้ไม่มีถ้อยคำเป็นเม็ดเป็นหน่วย
ให้คุณจับต้องได้และมองเห็น
แต่เขาจะหยิบยื่นในสิ่งที่คุณฝันได้เสมอ
และเติมเต็มในสิ่งที่คุณขาดหายไป แม้ว่าคุณจะไม่มีใครเลยก็ตาม
ถ้าเป็นคุณจะเลือกใคร???
ระหว่างคนที่บอกว่ารักคุณมาก..แต่เขาไม่ค่อยใส่ใจความเป็นอยู่คุณเลย
กับอีกคนที่ไม่เคยบอกแม้กระทั่งคิดถึง..แต่เขารู้หมดว่าคุณต้องการอะไร
5 ตุลาคม 2547 00:03 น.
วารินลับแล
ฉันมักจะเรียกตัวเองว่า "คนเขียนหนังสือ" อยู่เสมอ
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคงเพราะว่าฉันเขียนหนังสือไม่ดีพอที่จะเรียกตัวเองว่า"กวี" ได้ล่ะมั้ง
โลกของตัวอักษรสวยงามนัก แค่มีปากกาสักด้าม เศษกระดาษสักแผ่น
และมีเขาคนนั้นเป็นพระเอกของเรื่องสักคนก็คงเพียงพอ
เรื่องราวความรักของฉันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
รู้เพียงแต่ว่าในสมุดบันทึกประจำวันของฉัน
มีชื่อเขาตั้งแต่วันมอบตัวทีเดียว
คงเพราะความบังเอิญที่ทำให้เราสองคนมักจะได้ทำอะไรด้วยกันเสมอ
ได้เล่นละครด้วยกัน
ได้นั่งคู่กันในห้องทดลองวิทยาศาสตร์
หรือแม้กระทั่งไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง
แต่เรากลับไม่ได้ใกล้ชิดกันเท่าที่ควร
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
จนวันหนึ่ง
"มีนอยากวาดรูปเหรอ เราสอนให้ก็ได้นะ"
นี่แหล่ะประโยคสำคัญที่ทำให้เราสองคนได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
เขารีบกระวีกระวาดไปหากระดาษกับดินสอมาวางไว้ตรงหน้าฉัน
ไม่รู้ว่าวิญญาณครูไปสิงอยู่กับชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เขาลากเส้นเป็นตัวอย่างแล้วให้ฉันลองทำตามไปช้าๆ
ลมที่พัดแรงทำให้ผมของฉันปลิวจนยุ่งไปหมด
"ขอโทษนะ"
เขาพูดแล้วเอื้อมมือมาหยิบปอยผมของฉันที่ปลิว
เพื่อเหน็บหูของฉันไว้อย่างเดิม
"ขอบคุณนะเฟิร์ส" ฉันพูดเขินๆ
ใบหน้ากลายเป็นสีแดงระเรื่อ
เขายิ้มบางๆเหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร
หลังจากทนนั่งดูฉันลากเส้นที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยมาเป็นเวลานาน
เขาก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้ว
ส่ายหน้าไปมาอย่างหดหู่
"แย่กว่าเราตอนฝึกวาดใหม่ๆซะอีก"
เขาทำท่าทางเหมือนครูที่กำลังดุนักเรียนอยู่ยังไงยังงั้น
"ก็คนมันไม่เก่งนี่นา"
"ไม่ต้องสอนก็ได้นะ" ฉันบ่นเบาๆแล้ววางดินสอลงแรงๆ
เอาเหอะฝึกต่อไปละกันฮะ
"วาดรูปน่ะไม่ยากหรอกถ้ามีคนสอนดีๆอย่างเรา"
เขาบอกยิ้มๆ
ฉันส่ายหน้ากับความหลงตัวเองของเขาหลงตัวเองจริงๆนะนายเฟิร์สจอมเก๊ก
เราสนิทกันมากขึ้นทุกทีสนิทท่ามกลางเสียงแซวและวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนที่
"ไม่เว้นแม้แต่ในคาบเรียนสวีทกันจังเลยคู่นี้"
เสียงเพื่อนๆที่ดังมาจากด้านหลังห้องทำให้ฉันต้องวางดินสอลงอายๆ
"เฮ้ย! เธออย่าแซวซิ"
"เราไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นสักหน่อย" เฟิร์สแก้ตัวให้
เพื่อนๆทำสีหน้าไม่เชื่อ
แต่พอเห็นหน้าตาเอาเรื่องของฉันก็เลยจำใจต้องสงบปากสงบคำแล้วเดินหนีไปคุยกันที่
อื่นแทน
"ช่างเขาเหอะ"
ฉันพูดเบาๆแล้วก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
"มีนเรามีอะไรจะบอก" เขาพูดท่าทางเขินๆ
อารายเหรออออ"
ฉันเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดลากเสียงยาว
"เราชอบผู้หญิงคนหนึ่งนะ"
สีหน้าอายๆของเขาทำให้ฉันแอบหวังอยู่ลึกๆว่านี่
คงจะเป็นวิธีการบอกรักทางอ้อมของเขา แต่.
"คนนั้นไง"
ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู
ฉันหันไปยิ้มล้อ
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลยจนนิดเดียว
อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เคยหวังให้เขามารัก
แค่รู้สึกรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็พอ
เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น
ฉันวางดินสอลงโดยอัตโนมัติ "เรากลับแล้วนะ" ฉันบอกเบาๆ
"ขอบคุณสำหรับการสอนวาดรูปและทุกๆอย่างนะ"
"มีนพูดเหมือนสั่งลาเลย" เขาพูดติดตลก
"อย่างกับเราจะไม่ได้สอนมีนอีกอย่างนั้นแหละ" "ใครจะไปรู้ล่ะ
ชีวิตมันไม่แน่หรอกเฟิร์ส" ฉันพูดทีเล่นทีจริง
แล้วเดินไปปิดกระจก
และประตูห้องเรียน เขาเดินมาช่วยอีกแรงหนึ่ง
"วันเสาร์เจอกันที่เรียนพิเศษแล้วกันนะ บ๊ายบาย"
เขาบอกลาแล้วโบกมือให้
ฉันยิ้มรับแล้วโบกมือตอบไป "กลับบ้านดีๆนะจ้ะหนูมีน"
เสียงตะโกนของเขาที่ดังตามหลังมา
ทำให้ฉันแอบอมยิ้มบางๆอย่างมีความสุข
ฉันนั่งคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขานับตั้งแต่วันแรกที่รู้
จักกัน ตลอดเส้นทางกลับบ้าน
ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่แสนจะธรรมดาคนนี้จะกลายมาเป็นคนสำคัญของหัวใจ
ถึงจะรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะฉันก็ยังคงมีความสุขที่จะรักเขา
ที่จะได้เห็นรอยยิ้ม
ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา
มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉันคนนี้แล้ว
ฉันหยิบภาพเหมือนของฉันที่เขาวาดให้ตอนวันเกิดขึ้นมาดู
"สุขสันต์วันเกิดนะครับ"
ฉันยังจำเสียงใสๆของเขาที่บอกตอนเช้าตรู่ในวันสำคัญของฉัน
"มีความสุขมากๆนะครับมีน"
รอยยิ้มจริงใจของเขาในวันนั้นยังบันทึกอยู่ในความทรงจำของฉันเสมอมา.ไม่เคยลบเลือน
"โครมมมมมมม!!!!!!" เสียงดังขึ้นที่ถนนสายหนึ่ง
บรรดาไทยมุงต่างพากันมามุงดูเหตุการณ์รถคว่ำ
ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งถูกหามออกมา
กระดาษวาดเขียนตกลงมาจากมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดของเธอ
ชายแก่คนหนึ่งหยิบขึ้นมาดู
เห็นหยดเลือดเปรอะไปทั่วแผ่นกระดาษนั้น
แต่ก็พอจะมองเห็นลางๆ
ว่าเป็นภาพวาดของหญิงสาวที่กำลังยิ้มสดใสในชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดัง
มีลายมือที่เขียนไว้ใต้ภาพอย่างสวยงามว่า
"เพียงความทรงจำเฟิร์ส"
ชายแก่คนนั้นทิ้งภาพไว้ที่เดิมอย่างไม่ใคร่สนใจใยดีนัก
ลมเริ่มพัดกระหน่ำแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนทำให้กระดาษแผ่นนั้นปลิวตกลงไปบริเวณลำคลองริมถนนและค่อยๆจมหายลงไปใต้ผืนน้ำนั้น
ผมได้สมุดเล่มนี้มาจากเพื่อนสนิทของเธอ
ผมเลยขอเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยมือของผมแทน
เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผมไปเรียนพิเศษก็นึกแปลกใจอยู่ตะหงิดๆว่าทำไมเธอถึงไม่มาเรียน
เพราะปกติเธอไม่ใคร่จะชอบหยุดเรียนนัก
ก็บังเอิญผมไปพบเพื่อนสนิทของเธอเข้าพอดิบพอดี
"เฟิร์สรู้เรื่องมีนหรือยัง"
เขาถามผมทันทีที่พบกัน
สีหน้าของเขามีแววเศร้าๆปรากฏอยู่ ตาก็ดูบวมแดงผิดปกติ
"ยังครับ มีนทำไมเหรอ" ผมถามยิ้มๆ
เธอก็คงไม่สบายแต่อาจจะหนักหน่อยถึงยอมขาดเรียนวันนี้ผมคิด
"มีนรถคว่ำ"
"ตอนนี้อยู่ห้อง ICU โรงพยาบาล." เขาบอก
ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ
พอได้สติอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้อง ICU
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งข้างๆเพื่อนสนิทของเธอคนเดิม
เขาจัดการเป็นธุระไถ่ถามพยาบาลถึงเตียงของเธอเพราะไม่เห็นเธออยู่ที่เตียงเดิม
"เสียใจด้วยนะคะ คุณมีนาหัวใจล้มเหลวเมื่อ 15
นาทีที่แล้วค่ะ"
หูผมอื้อไปหมดจนไม่ได้ยิน
เสียงพยาบาลที่พูดอธิบายเรื่องราวต่อจากนั้น
ถ้าจะถามผมว่าวินาทีนั้นผมรู้สึกเช่นไร
ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
รู้เพียงแต่ว่าน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาท่วมใบหน้าของผมตั้งแต่ได้รับรู้ว่า
เธอจากไปแล้ว ....
.....
..........
ผมอ่านบันทึกเล่มนี้หลังจากที่ร่างของเธอฌาปนกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผมเพิ่งรู้ว่าเธอรักผม
แต่ทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าคำพูดที่ผมพร่ำบอกกับเธออยู่บ่อยครั้งว่า
"รักกับชอบแตกต่างกัน"
มันคือสิ่งที่ผมอยากให้เธอรับรู้
ผู้หญิงคนที่ผมเคยชี้ให้เธอดูคือคนที่ผมชอบ
แต่ผู้หญิงคนที่ผมรักคือ
"เธอคนนี้"
เธอคนที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมอยู่เสมอ
เธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าผมคิดอย่างไรกับเธอ
ถ้าผมสามารถขอพรวิเศษใดๆได้
ผมอยากจะขอแววตาคู่นั้นที่เคยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกดีๆอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่เคยมีให้เวลาผมท้อแท้
เสียงหัวเราะที่เคยทำให้โลกทั้งโลกดูสดใส
ผมอยากจะขอให้เธอกลับคืนมา
เธอคือรักครั้งแรกของผม
อาจต้องใช้เวลามากสักหน่อยในการทำใจว่า
ต่อจากนี้จะไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว....
ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยห่วงใยผมตลอดมา
แต่ผมรู้เสมอว่าเธอจะคอยจ้องมองผมอยู่ห่างๆเหมือนอย่างเคย
เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเรียกมันว่าความสุข
และเธอจะรอผมอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
ตรงดินแดนแห่งความรักที่สร้างไว้สำหรับเราเพียงสองคน
สักวันผมจะไปหาเธอ
หลับให้สบายนะครับมีน
หลับตาเถอะนะแล้วเราก็จะพบกันอาจเป็นเพียงฝันก็พอใจ
หลับตาเถอะนะถึงตัวเราจะแสนไกลห่างกันเพียงไหนก็ใกล้เธอ
ชีวิตขีดเส้นทางไว้ให้เราเจอกันขีดทางที่ผกผันให้มีวันห่างไกล
หลับตานานนานคิดถึงวันเก่าจะยังมีเราสองคนหลับตาเถอะนะคนดี