15 มิถุนายน 2549 00:42 น.
วานร วายุ
........เมามาย เมรัยเสียมากแล้วในตอนนี้........
มิได้ดื่ม เพื่อสิ่งใด
ดื่มเพื่อ ราตรีนี้
ดื่มเพื่อ นิยามที่อ้างเอ่ย ความขมขื่น แล หวานชื่น
" รัก "
ราตรีนี้ชั่งเงียบงัน.........
ได้ยินแม้กระทั่งเสียง เมรัยไหลลงคอ
เส้นทางเดียวกับที่ดื่มดำ ความรัก
ถ้าจักเปรียบเปรยได้
ถ้ารักมีตัวตนไหลลื่น
เมามายมิรู้สติ
........ขม..
แต่ก็จักอยากเสพมันอยู่ร่ำไป
ราตรีนี้และไหนๆ
ดื่มเพื่อ จดจำ
ดื่มเพื่อมิลืมเลือน
"ราตรี เมรัย แล รัก "
14 มิถุนายน 2549 20:05 น.
วานร วายุ
มหาสมบัติแห่งบทกวี ฤ คณานับ
บังเกิดจากมันสมอง
.....ส่วนซ้ายใช้อยู่กับเหตุ
.....ส่วนขวาใช้อยู่กับอารมณ์
ผสมผสานกลายเป็นกวีบรรเจิด
ส่วนข้าพเจ้าใช้ความรู้สึก........
สร้างสิ่งที่คล้ายกัน
14 มิถุนายน 2549 18:49 น.
วานร วายุ
ใครล่ะที่เห็นมันสดสวยตั้งแต่คราแรก
ใครล่ะที่อยากได้นักหนา
ใครล่ะที่ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้มันมา
ใคร...
แล้วใครล่ะที่พอรู้ว่ามันไม่ได้สวย
อย่างที่คิด
คน คน นั้นก้อพยายามปั้นแต่งราวกับว่าเป็นปฎิมากรเอก
ใช้ทั้ง อารมณ์
ทั้งความดี
ความเลว
ปั้นมัน...........
จนมันไม่ได้รูปเดิมผิดร่างไป
แล้วร่ำไห้ กับน้ำมือตนเอง
กับสิ่งนั้นที่มันไม่สวยงามอีก
เลือกเองมิใช่รึ
ใครคนนั้น.........
14 มิถุนายน 2549 18:00 น.
วานร วายุ
ประหนึ่งฉับพลันใน บัดดลต้องสิ่งหนึ่ง
กระซิบแผ่ว
ตื่นเถอะ...
ตื่นจากเงามืดแห่งรัติกาล
ที่เกียจคร้านบัดดาลดล
กังวาลก้องยินอยู่ใน เสนาะโสต
ให้เสียดแทงในใจ
เสียงใครกันล่ะ...
ปลุกเราให้เผยอ ออก
ออกจากเปลือกหุ้มที่รอนเร้น
เปลือกหุ้มที่เต็มไปด้วยไออุ่นแสนเน่าเหม็น
อืม.....
รุ่งทิวารึ
แสนปรีดายิ่งนัก
แต่หาไม่แล้วเรา มิยินดีกับแสงทอง
รึไออุ่นแห่งตะวัน
กลับกระสันต์แทรกกายฟอนเฟ้นสู่สิ่งเน่าเหม็นเป็น อาจินเจียน
โง่เขลาแล ขลาดกลัว
เกินกว่าจะคู่ควรสิ่งมีค่า
...หากรัศมีตะวันคือความรัก
มันช่างรุนแรง แลเจ็บปวดเกินทนได้
...หากเราคือหนอนอาจมเจียน
ขอมุดหลบกลบตนเองในอินทรีย์สารเสียดีกว่า
ต้องแสงรัศมีตะวัน
....ให้สลายกายสูญ.....
14 มิถุนายน 2549 12:57 น.
วานร วายุ
กอดเจ้าไม่ได้......
เพราะในมือนี้จับดาบ
แต่หากไม่จับดาบแล้ว
จักปกป้องเจ้าได้อย่างไร