12 กันยายน 2545 00:54 น.

ปานใต นะเอย..

วลี..

...

๑ โลมไล้ละเลียดพลิ้ว......... ผ่านกาย
ลมเอยเจ้าโชยชาย............. เช่นนี้ 
ใจข้าฯปานเจียนวาย............ เจียนวอด..แล้วเฮย
ไยกระเซ้ากระซี้................. กระแหนะกระแหน จับใจ

๒ นั้นดวงแขแลคล้อย.......... คล้อยฟ้า
ประหนึ่งกาลทิวา................. มาใกล้
ลมเอย..เจ้าบ่ ลา................ บ่ เลือน เลยนา
ฤๅ แต่เตือนจิตให้.............. ใจนี้จำยอม นะเอย .. 


... 




...				
10 กันยายน 2545 23:55 น.

เช่นไร ฤๅนั้น ..

วลี..


๑ ใจเอย ..เจ้าเอย ล้วนอารมณ์ 
หนาวหนาว เจ้าก็ห่มลมหนาว 
ร้อนร้อน เจ้า ผ่อนร้อน ร่างร้าว   
เศร้า เหงา เจ้าเดียวดาย สานสร้อยสัมพันธ์ ..

๒ รติวาร นานแสนนาน นักเอย ..
สลักห้วง หน่วงใจเคย สุขสันต์ 
โศกเร้า ราวคลุมครอบ โลกันต์ 
ผ่านวัน ผ่านวันวัน สุขนั้น โศกนี้เอย ..

๓ จ่มเอย ห้วงอาดูร อาลัย ... 
ร้อยหมื่น แสนล้าน นัยยะ เฉลย 
ปานพลิกชีวิน ดาวดิ้นเลย 
สุดจะหยุด เฉยเมย เชยชมวารวัน ..

๔ ใกล้เอย ใกล้เกินตา เช่นไร 
แจ้งชัด แล แจ่มใส ฤๅนั้น ..
ฟ้ากว้าง ห่างสายตา กว่ากัน 
ฟ้างาม เพียงตะวัน เพียงจันทร์ อย่างละดวง ..... นะ				
9 กันยายน 2545 08:11 น.

ริมทุ่ง ..

วลี..



๑ นั่งทอดหุ่ยมีขลุ่ยผิวกับวิวทุ่ง 
สายลมอ่อนกระจายฟุ้งจรุงขวัญ 
ทอดถอนใจไฉนหนอขอรำพัน 
สักกี่วันถึงเข้าไปในใจนาง 

๒ เอื้อมหยิบขลุ่ยมาผิวแผ่วเป็นแนวเศร้า 
บรรเลงร้าวความรู้สึกผลึกร้าง 
กาเหว่าขานรับรู้อยู่ห่างห่าง 
เสียงขลุ่ยครางเร่งเร้าความเหงาจริง 

๓ ขลุ่ยเลาเดียวจะเกี่ยวโน้มโฉมไฉน 
เสียงขลุ่ยใช่เสียงทิพย์กระซิบหญิง 
นั่งทอดหุ่ยผิวขลุ่ยเพลินจำเริญยิ่ง 
บรรเลงเพลงจากใจจริงสิงสายลม 

๔ แสงแดดอ่อนสายลมเอื้อยเฉื่อยฉิวโฉบ 
สายลมโอบกลิ่นไอฉ่ำยามเหมาะสม 
เสียงขลุ่ยทอดเสียงยาวเจ้าคงตรม 
ไร้คำคมไปหาญแข่งแย่งกับใคร .. 


...				
5 กันยายน 2545 00:54 น.

หยิบงานเก่า เอามาเก็บ เหน็บมากอง ..

วลี..

. . . . 
 
เกี่ยว ..
20718  17 ส.ค. 45 - 12:14  

๑จากเขียวเข้มเหลืองแล้ว.... รวงทอง 
แขกร่วมลงจับจอง................ เกี่ยวข้าว 
ข้าฯขยับหมายปอง................. เคียงคู่..เจ้าเฮย 
เคียงเกี่ยวเหนี่ยวโน้มน้าว...  คงเข้าใจกัน 

ขาเข่าแขนเมื่อยล้า............ ยอมทน 
ก้มเงยเกี่ยวเสียจน.............. ยอกแล้ว 
เจ้ามิเหลียวสักหน................ คมเคียว..เขวนา
สกุณาพาเจี้อยแจ้ว............... ยิ่งย้ำคมเคียว..
 
... 

จินต์ ..  
21163  24 ส.ค. 45 - 14:21  

รุจิวิรงรองราวรุ้ง........... พรั่งพราว 
สิริรังสีขาว..................... พุ่งพร้อย 
นิมิตม่านจรดยาว.......... มวลเมฆ 
ขจีขจายย้อย...................พฤกษ์ระย้าระยับไพร 
 
...

ภาพ .. 
21187  25 ส.ค. 45 - 01:02  

เงาเมฆ ประกายน้ำ ................... เลื่อมพราย 
ริ้วคลื่นพลิ้วเส้นสาย .................. เพริดแพร้ว 
สายฝนพร่างสลาย ..................... คล้ายม่าน .. คั่นเฮย 
แม้นฝนผ่านเลยแล้ว ................. ภาพนั้น แปลงไป 

เงาเมฆ ประกายน้ำ 
งามลึกล้ำ ท่ามกลางใจ 
จดจำภาพสดใส 
เมฆครั้นครืน อนธกาล

พิรุณประพรมพร่าง 
งามดุจดั่ง ทิพย์พิมาน 
งามนี้ งามนั้นผ่าน 
ถอดถอนใจ ไม่คงทน ..

...

ครวญ..  
21246  26 ส.ค. 45 - 00:02  

๑ เพียงพิศเพียงเพริดแพร้ว........ พรรณราย
ชิดชื่นยิ่งละลาย............................. ใจต้อง
พลิ้วพลิ้วละลิ่วสาย-........................ ลมลู่ ไล้เฮย
เกสรชูช่อช้อง................................ ช่างเย้ยช่างหยันจริง 

๒ มวลผกาเกยก่ายท้า-................... ฟ้างาม
แดง ม่วง ส้มอมคราม...................... อย่างนั้น
ระย้าพวงชมพูลาม........................... ตามที่
ยืนชมโลมใจกลั้น............................ กรุ่นแก้มนวลปราง 

๓ หลิวแย้มลู่ลู่ไล้.............................. ริมธาร
ไกวแกว่งกิ่งประสาน........................ ชดช้อย
ผิวนทีกระเพื่อมขาน......................... หลิวลู่
ละลอกคลื่นระรื่นคล้อย...................... คนึงนี้เนินนาน 

๔ ฟ้าเอยหล้าเอยเจ้า........................ ฟังคำ
อีกหมู่มวลไม้งาม............................... ฟังข้าฯ
เขตขอบแห่งพรหมนำ........................ ข้าฯยอม
ขอเพียงแค่ บ่ ล้า................................ครวญนี้ จวบนิรันดร์ 

...
ฟังคำ ..  
21309  27 ส.ค. 45 - 00:56  

๑ สุริยัน และจันทร์เจ้า ....... จงฟัง 
ตราบชีพอสัญยัง ................. บ่ร้าง 
สองมือก่อรวงรัง .................. เพียงเพื่อ นวลเฮย 
ดินฟ้าข้าฯเอ่ยอ้าง ................ พยานรู้บ่เพียงคำ

๒ ยอดชู้ชีพพี่นี้ .................... อุทิศ
อาบเหงื่อจากดวงจิต ............. ลึกล้ำ 
มีนวล อยู่ แนบชิด ............... มิหวั่น ใดนา
ขอดินขอฟ้าค้ำ ...................... คู่เจ้าตราบนิรันดร์ 

...

เพลินไพร..
21379  27 ส.ค. 45 - 23:50  

๑ แต่ละย่างย่ำก้าว.......... ดุ่มไป 
เพลิดเพลินพนาไพร....... สุดยั้ง 
ยิ่งเดินยิ่งเฉไฉ............... ออกนอก..ทางนา 
ต้องหยุดเดินแล้วตั้ง........ จับต้นชนปลาย 

๒ ดั้นด้นเมื่อครู่ครั้ง.........จากธาร 
หลงทิศให้เนิ่นนาน......... แน่แล้ว 
ดีที่ไม่ถึงคลาน................. ฉุดคิด..ได้นา 
ให้นึกถึงพ่อแก้ว.............. ปกป้องคุ้มภัย 

๓ เถาวัลย์คล้องคบไม้..... ยาวเหยียด 
ยิ่งเยอะยิ่งเบียดเสียด..... รกร้าง 
ตะไคร่เขียวละเอียด....... เกาะกุม..ครึมเฮย 
ด่านนี่ผ่านคงค้าง............ ก่อตั้งฟืนไฟ.. 

๔ ใกล้ยังสนธยาฟ้า........ ห่มดำ 
เสียงเสนาะลำนำ............ จากหล้า 
หรีดริ่งเรไรพรำ............. พร้อมพรั่ง.สนั่น 
ดุจทักทายบอกข้าฯ.......... มาร้องรำกัน


...				
4 กันยายน 2545 00:30 น.

ธรรมชาติ ..

วลี..

เพียงรำพึงไพเราะ 		
เพราะอารมณ์ที่อ่อนไหว 
เอื้ออาทร จากน้ำใจ 		
ทาทาบ ระบายสวยใส ใจจริง 

ทั่วฟ้า ประกายฟ้า เมฆขาว 		
ตะวัน สาดแสงวาว ใหญ่ยิ่ง 
ธารเอื้อย กระเพื่อมพราว อ้อยอิ่ง 	
ตลิ่งประดับเด่น บุษบา 

วายุ ลุโทษทัณฑ์ พลันโบยโบก 	
กรรโชก กระชากสิ้น กลิ่นบุปผา 
ทมิฬเมฆ  คลั่งทะมึน กลืนนภา 	
วิชชุสาด ประกายกล้า น่ายำเกรง

เส้นตั้ง ปะทะกับเส้นนอน		
สัมผัสตัดจุดอ่อน  ข่มเหง
รวดร้าว  ราวดาวดิ้น สิ้นเพลง 	
ธรรมชาติ วาดละเลง ต่อไป ..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวลี..
Lovings  วลี.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวลี..
Lovings  วลี.. เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวลี..
Lovings  วลี.. เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวลี..