18 กุมภาพันธ์ 2552 22:34 น.
วฤก
๏ ความจำคว้าจับนั้น.............ในฝัน
พอตื่นพี่แตะพลัน..................พลาดเงื้อม
น้องหายหน่ายเหหัน..............ให้ห่าง........พี่ฤๅ
รอยฝากราวฝันเอื้อม.............อาจคว้าครองไฉน ๚
๏ เหลือไว้เพียงพี่เศร้า.........เพ้อโศก
ทรวงเสียดวิปโยค.................ปวดเยื้อ
กันแสงศัพท์กรรโชก............กรรณช่าง....ชินแม่
โหยสุขเหอะน้องเอื้อ..............หน่อยโอ้นวลลออ ๚
๏ เคลียคลอแขนโอบเคล้า-...คลึงถนอม
แนบโอษฐ์โอดแนบออม........ออดอ้อน
กระสันกระซิบยอม................เยียอย่า....แหนงนา
นะอยู่คู่เรียมซ้อน.................สอดคล้องครองกัน ๚
๏ แสงจันทร์ส่องจับฟ้า.........ใจฝัน
โสมหม่นสีหมองพรรณ.........หมดพริ้ง
สังคีตเสื่อมคำสรรค์.............ขานศัพท์....เกษมอา
ฤๅหน่ายเรียมหนีทิ้ง............เหนี่ยวแท้แค่ฝัน ๚ะ๛
วฤก : ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
16 กุมภาพันธ์ 2552 18:21 น.
วฤก
๏ สัจธรรมกรรมเวรฤๅเว้นว่าง
ชั่วดีต่างแต่ชอบตอบสนอง
ดีได้ดีที่ชั่วชั่วครรลอง
เหมือนเงาต้องตามตนฤๅพ้นพาน
เพื่อปรองดอง? .... ผองผีมีโอกาส
คนปล้นชาติปลดคุกสนุกสนาน
นิติรัฐวิบัติเห็นเป็นสำราญ
นี่สันดานสัปดนคนอัปรีย์
คือผู้แทนแสนเข็ญชอบเป็นทาส
ปัญหาชาติไม่สนจนบัดสี
มหันตภัยไม่สะทกยกพวกตี
ยื้อแย่งมีอำนาจอนาถใจ
สัจธรรมกรรมเวรฤๅเว้นว่าง
ชั่วดีต่างหยุดมอบตอบไฉน
กฎแห่งกรรมธรรมะฤๅละไป
จึงผู้ไร้ศีลธรรมคิดต่ำทราม ๚ะ๛
วฤก : ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
14 กุมภาพันธ์ 2552 14:44 น.
วฤก
วสันตดิลก ๑๔
๏ โอ้เสียงสุโนกสวนะหรรษ์
เสนาะกรรณสนั่นไกล
พากย์เชิญผชุมพจนะใด
บ่มิใช่จะใช้ความ ฯ
พี่พรรณนารตินิยม
เฉพาะชมพธูงาม
แม้นวรรณกรรมสุรพิราม
มินิยามนิยมเธอ ฯ
จึงเผยพจีฤชุฤทัย
ดนุไขพิไรเปรอ
เหมือนคีตะพาทยะเสนอ
ผิวะโฉมจะโน้มเชย ฯ
จึงเสียงสุโนกสวนะสรรค์
บ่มิพรรณนาเลย
ขับร้องเจรียงมิอภิเปรย
มิเฉลยเสมอเรียม๚ะ๛
วฤก : ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
9 กุมภาพันธ์ 2552 22:50 น.
วฤก
๏ สุวรรณสว่างไล้.............โลมฉวี
โสมแต่งแต้มธาตรี...........เตรียบคล้าย
ผิวทองผ่องพรรณสี...........ไผเสก.......สร้างนอ
เจ้าส่องจนโสมย้าย...........อยู่ใต้เปือกตม ๚
๏ ฉมบุปผชาติฟุ้ง............ฟ้อนกร
ฟ่องกลิ่นหอมขจร.............ขจิตหล้า
ขจายล้อมเสกสิงขร...........คล้ายสุ-.....เมรุแม่
เคล้าสูดเนื้อน้องกล้า.........กลิ่นไม้กลายสลาย ๚
๏ หมายจันทร์กระจ่างแจ้ง...แจ่มโพยม
ไขข่าวคำกระโหม................กระหึ่มก้อง
สวนสรวงเสื่อมสิ้นโฉม.........เสียเฉิด-.....ฉันอา
โฉมเปรียบฤๅแนบน้อง.......นั่งชี้ชมสวน ๚
๏ ครวญเสียงคำขับร้อง.......เจรียงกานท์
อักขระร้อยโคลงขาน...........ขับนี้
สรวมสถิตทุกสถาน..............เธอสู่
คอยอยู่เย้ายวนชี้.................อย่าช้าชมจันทร์ ๚ะ๛
วฤก : ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
7 กุมภาพันธ์ 2552 23:44 น.
วฤก
๏ ดวงเดียวเปลี่ยวอกโอ้...........อดชม
เดือนเดี่ยวเหลียวระทม............ระทดท้น
ดาวตกสะทกขม ......................เธอขาด......คู่เนอ
สองสู่สองสองล้น........................สุขล้ำเลยโสม ๚
๏หิ่งห้อยอ้อยอิ่งพร้อย.............พรายแสง
วูบดับวิบวับแปลง...................เปลี่ยนคล้าย
คราวสรวงร่วงโรยแรง............ริบหรี่........แล้วเอย
ดาวจากสรวงจะย้าย................อยู่ด้าวดูเรา ๚
๏พลิกพลิ้วปลิวหล่นพ้น..........พฤกษา
ใบหล่นผล็อยลอยมา..............ม่านไม้
เขาพรากจากพนา.................ไผเหนี่ยว......นำนอ
มาแผ่ผืนพรมให้...................หากเท้าก้าวเดิน ๚
๏เสียงคลื่นสังคีตเคล้า............คลอประโคม
ขานกล่อมคำบรรโลม ............ละไล้
แสงโชติช่วงโพยม.................พยนต์หมู่.......ดาวแม่
นั้นกาพย์กลอนกอปรไว้..........วาทย์เคล้าคลื่นขาน ๚
๏ทะเลท่านหลับเร้น...............หลบเรา
ให้ออดพลอดรักเนา...............แนบน้อง
ครืนครืนคลื่นเคลื่อนเบา........เคล้าเบียด......เนื้อนา
พานแผ่วผิวพี่ต้อง...................แตะนั้นสั่นหวาม๚ะ๛
วฤก : ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒