10 มีนาคม 2550 15:39 น.
วฤก
๏ กระโหมเสียงกระหึ่มก้อง.....กำราบ
โกรมสู่เงื้อมคำสาป.................ข่มสิ้น
สายฝนหล่นกระหนาบ.............ล้อมกระหน่ำ
น้ำเดือดผืนพลุ่งดิ้น..................แผ่นด้าวใดเผา ๚
๏ พายุลูกเห็บห้ำ-...................หั่นไผท
ฟ้าเดือดดาลไฉน....................เฉกนั้น
วันสิ้นกัปเพลิงประลัย.............ประลุแผด...เผาพ่อ
หาเปื่อยเป็นตมหั้น.................ตกห้วงเหวชล ๚
๏ ฤๅฝนอยากฟอกพื้น.............แผ่นดิน
ลบหม่นหมองมลทิน..............หมดแท้
โถมสายกระแสสินธุ...............ซักกลิ่น.....สาบนอ
สาบอวิชชาแก้.......................กลบด้วยชลไฉน ๚
๏ งมงายหินอิฐอ้าง...............อิทธิฤทธิ์
ว่าประจุเทพประสิทธิ...........ประสาทเอื้อ
อวยตนห่างหนติด-...............ตังตก.....ทุกข์เฮย
จึงติดโมหะเยื้อ.....................อยู่เงื้อมเงาเขลา ๚
๏ ยินเสียงพระสวดให้..........หากนิยม
ไตรสรณาคมณ์.....................คิดถ้วน
ถึงธรรมท่านฤๅจม................จงตรึก.....ตรองเทอญ
พุทธธรรมล้างล้วน................กิเลสได้ใครถึง ๚ะ๛
๑๐ มีนาคม ๒๕๕๐
1 มีนาคม 2550 23:54 น.
วฤก
๏ ห่างเหินนานเนิ่นแล้ว.......ลืมไฉน
ถวิลท่วมหฤทัย...................ทุกข์ร้อน
ถึงผู้อยู่หนไกล....................หันกลับ.......บ้างเนอ
เคยกู่คำกู่ย้อน-....................กลับเย้ยหยันถวิล ๚
๏ ฝากดินดินดั่งใบ้...............เบิกคำ
ดินบ่ายเบี่ยงพึมพำ..............พูดเพี้ยน
แปลงเนื้อเปลี่ยนนาทจำ-......นรรจ์จาก.......พี่ฤา
ถึงดับหวังคืนเหี้ยน..............ขาดห้วงความหวาน ๚
๏ ฝากดวงดาวรุ่งขึ้น.............เรขา
แรขอบของนภา....................พรุ่งนี้
ไขแสงสุริยา.........................แย้มบอก........เธอนา
วอนอย่าเลยหลีกลี้.................หลบเร้นลืมสนอง ๚
๏ ห่างเหินนานเนิ่นแล้ว.........ลืมไฉน
ถวิลอยู่ทุกสมัย......................สมัครน้อง
แสงสูรย์ส่องอุทัย...................แทนอรรถ......พี่เอย
เผยเอ่ยแม้นคืนห้อง................ขื่นไห้คงหาย ๚ะ๛
๑ มีนาคม ๒๕๕๐