21 พฤษภาคม 2548 19:38 น.
วฤก
๏ วรรณกวีมีศัพท์เหมือนทรัพย์สิน
สร้างประพิณพจนะสละสลวย
ยิ่งรู้มากหลากคำเลือกอำนวย
ย่อมหยิบฉวยใช้วางสมอย่างใจ
กลบทกฎบนประพนธ์พากย์
ฤๅเหลือยากยุ่งจิตเกินคิดไข
เกินคิดความตามกรอบกั้นขอบนัย
นำลงใส่ฉันทลักษณ์จำหลักกานท์
สะสมศัพท์ทรัพย์สรรค์ประพันธ์พจน์
สะสมบทแบบกลอนอักษรสาร
สะสมกลค้นคว้ามิช้านาน
สะสมดาลดลเกิดประเสริฐกวี
เมื่อตระหนักอรรฆทรัพย์คือศัพท์แสง
ใช้สำแดงวจนะนัยวสี
ชำนาญนักอักขระเล่ห์วจี
จึงฉะนี้นับศัพท์นั่นทรัพย์เทอญ ฯ
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘
17 พฤษภาคม 2548 10:52 น.
วฤก
๏ กนกกระหนาบเกี้ยว..........เกี่ยวกัน
ยอดขอดเครือเถาวัลย์...........ถวัดช้อย
วาดวางสับหว่างสรรค์.............เส้นสอด
ลอดเกาะเลาะกอดร้อย...........สลักล้ำแลเสลา ฯ
๏ เขียนเค้าเข้าแบบเส้น........แบ่งสาย
บรรสบบรรสานลาย...............ร่วมคล้อง
คือภาพพ่างขยาย...................พิศขยับ
เพียงกับกลยลพ้อง................เพ่งรู้ดูเห็น ฯ
๏ ให้เป็นเปรียบเช่นแม้น.....เสมือนคน
จังหวะชีวิตวน.......................วาดไว้
เส้นวางสับหว่างผล.................พาธสุข
ลอดเกาะเลาะกอดไขว้...........ไขว่ข้องสงสาร ฯ
๏ บรรหานหากรับรู้................รูปทรง
กนกก็หนึ่งวง........................หว่างนั้น
แหนงทุกข์สุขหากปลง............หายเปล่า
ภาพกนกกระหนาบกั้น...........กรอบหั้นเห็นไฉน ๚ ๛
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘
10 พฤษภาคม 2548 15:27 น.
วฤก
๏ ละลอกหมอกหยอกหญ้าเวลาเช้า
ยิ้มยั่วเย้าย้ำความคำหยามหยัน
ว่าน้ำค้างพร่างฉายพรายตะวัน
ย่อมเหหันแห้งผากลาจากไกล
เจ้าจ่อมดินถวิลหวังแม้ตั้งจิต
จะอ้างสิทธิสูงค่าเคยอาศัย
คอยขัดขวางน้ำค้างอย่าร้างไอ
กักเอาไว้วางประดับเหมือนกับเคย
จงดูซะมนุษย์สมมุติเทียบ
ชีวิตเปรียบน้ำค้างอย่างเฉลย
เขาเกิดแก่เจ็บตายอย่าหมายเลย
ไม่ลงเอยอย่างนี้หลีกหนีกล
นับชั่วรุ่นวุ่นวายจบปลายหนึ่ง
อีกชั่วจึงลำดับเนื่องนับผล
กว่าชั่วเราเก่าแก่พ่อแม่ตน
คือชั่วคนคอยส่งดำรงพันธุ์
ละลอกหมอกหยอกหญ้าเวลาเช้า
ยิ้มยั่วเย้าย้ำความคำหยามหยัน
ชีวิตแท้แค่ครู่คงรู้ทัน
ไยคนมั่นปฏิบัติถืออัตตา ฯ
๒๗ เมษายน ๒๕๔๘