31 พฤษภาคม 2547 23:27 น.
วฤก
๏ ความเห็นคนหากเพี้ยน.......แผกผัน
ตนต่างอ้างตนหัน....................เหตุแท้
ถึงชนะคะคานกัน....................ใครเก่ง
คือฉกาจฉกรรจ์แก้..................กล่อมน้อมยอมตน ฯ
๏ กลแบบคนบอดครั้ง...............คลำคช-...........สารนา
นาทบอกลักษณ์ปรากฏ.............กล่าวอ้าง
คลำต่างต่างกำหนด..................นึกต่าง.............กันนอ
ก็ต่างแล้รูปช้าง.........................ใช่ช้างอ้างไฉน ฯ
๏ ไปเถียงไปถกถ้อย.................ถาบถม
ช้างเฉกตนนิยม........................นิยตนั้น
เสียงดังบ่ฟังผสม.......................ผสานศัพท์
เชื่อต่างอย่างตนหั้น...................หับห้อมโมหันธ์ ฯ
๏ ปันภาพปันพจน์พร้อม...........เพ่งพิจารณ์
พิจักขณ์จักเผยการณ์................กอปรได้
ช้างใช่หนึ่งใครขาน...................คำกล่าว
ครั้นประกอบปการไว้.................สว่างแจ้งแสดงจริง ๚ะ
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗
30 พฤษภาคม 2547 18:18 น.
วฤก
๏ หงส์ระเห็จลืมเหาะห้วง......เหินสวรรค์
คนตะเกียกตะกายฝัน..........ใฝ่คว้า
ซื้อหงส์อาจคงหรรษ์..............คือเหตุ
ให้โผล่ผลกมลบ้า.................เบียดฉ้องอฉล ฯ
๏ กลหวยกอบสู่หุ้น................หาสิน
คนอยากยากหากิน...............กรอบเนื้อ
นอนหิวหากถวิล....................วันหนึ่ง
วันซึ่งโชคอาจเกื้อ.................เกลือกใกล้เกาะหงส์ ๚
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๗
26 พฤษภาคม 2547 09:51 น.
วฤก
๏ พลับพลึงพึงพับไว้..........วางอับ
ผู้อื่นยังอาจจับ...................จาบจ้วง
เรียมพึงแม่พึงลับ..............พ้นเหล่า.........พาลเอย
ผู้แอบอาจเอื้อมล้วง.............อกร้อนเรียมหวง ฯ
๏ ดวงใจจึงเร่าร้อน...........แรงรัก
ไฟดับกัปฤๅหัก..................เหตุหั้น
โหมหวงห่วงนางจัก............นานจาก.........กันนอ
นี่จะหาใดกั้น.....................เก็บน้องนวลสงวน ฯ
๏ ทวนทบถ้วนถี่แล้ว...........ถึงลด........ร้อนนา
นางเก็บไหนสะกด...............สกัดได้
สงวนนวลใคร่ครวญอด.......คอยแอบ.....ใจแม่
คนอื่นเขาฤๅใกล้.................เกลือกให้นวลหมอง ๚
๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๗
24 พฤษภาคม 2547 12:07 น.
วฤก
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๏ แลเห็นพยัคฆ์มฤคเกรง..............ภยะเร่งกระโจนหน
เห็นฝุ่นตลบรยะทุรน.....................ตะละตนตะเพิ่นไป ฯ
๏ หวงชีวะภีรุกนะหรือ.................นยะถือฉะนี้ไย
นับอย่างมนุษยกระไร....................รึจะพ้นวิจลพาน ฯ
๏ ภัยร้อนมิรอน ณ สมุทัย..............วฏะไหว้พลีการ
วอนรุกขเทพ ธ นฤมาณ.................นฤมิตพิชิตแทน ฯ
๏ ใครเล่าฤขลาดนยะอนาถ.............มทชาติควรแคลน
แค่กลวิธีละภยะแสน......................จะสบายบ่ใช้ตรอง ๚
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗
19 พฤษภาคม 2547 23:20 น.
วฤก
๏ รักอักษรกลอนกาพย์กำซาบรส
ซึ้งในพจน์เพลงกานท์ขับขานเสียง
ควรรู้ลึกฝึกฝนกลจำเรียง
ให้พอเพียงเพื่อสานงานประพนธ์
เพียงเรียงร้อยถ้อยความตรงตามกรอบ
ใช่ว่าชอบชื่อกวีมีสับสน
คำไม่งามความไม่ชัดวิบัติจน
ตัวติดกลกระสวนกลอนรวนเร
ฉันทลักษณ์กักกรอบรึครอบคิด
บ้างหลงผิดผลักดันทำหันเห
ให้สื่อความตามมโนที่โฉเก
แม้นจะเฉฉีกกรอบก็ชอบชม
บ้างว่าคำนำมาคร่ำคร่าครึ
เขารุรึรับศัพท์ควรทับถม
พ้นสมัยใครเล่าเขานิยม
อ่านพร้อมจมจับสมุดขุดวจี
จึงเขียนกลอนกร่อนกลวงขึ้นลวงโลก
บริโภคเพียงอรรถร้อยบัดสี
ยกย่องกันนั่นนะคือกวี
พ้นนาทีสมัยก็ไร้งาม
กวีแท้แค่ศัพท์เหมือนกับทาส
ใช้วางวาดว่าไรก็ไม่ขาม
ฉันทลักษณ์หลักมั่นประพันธ์ตาม
มิเสียความคลายรสบทนิพนธ์
รักษ์อักษรกลอนกาพย์รับทราบแล้ว
คือเก็จแก้วภาษาน่าฝึกฝน
เพื่อสืบสานกานท์สมัยในสกล
ให้นานจนจวบกัลป์จึงบรรลัย ๚
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗