27 ตุลาคม 2547 12:52 น.
วฤก
โคลงสี่สุภาพ
๏ ประพันธ์ประภาษพริ้ง..............พจนา
ไพสิฐศัพท์เรขา..........................ร่วมเคล้า
โคลงฉันท์กาพย์กลอนสา-............กัลย์สู่
กรรณเสพกานท์สื่อเร้า.................โสตรู้รสเกษม ฯ
๏ โลกกสานติ์กานท์กล่อมให้........หฤหรรษ์
หลายบทหลายแบบบรรณ.............เบิกพร้อม
ขานโคลงขับสำคัญ......................สังคีต
เสียงเอกเคล้าโทย้อม...................หยาดซึ้งทรวงสนาน ๚
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ น้อมฟังฉันท์วทะพรรณนานยะประการ
กล่อมโสตสดับมาน................................................นิยม ฯ
๏ ยามพากย์บทครุพจนาลหุผสม
ศัพท์เสียงผสานลม................................................ละมุน ฯ
๏ ร้อยเรียงความพิเราะตามระเบียบระบิมนุญ
เนื่องแต่บุราณสุน-.................................................ทรีย์ ฯ
๏ เลอแล้วฉันท์วทะพรรณนานยะทวี
วาดวรรณศิลป์ศรี..................................................นคร ๚
ฉบัง ๑๖
๏ น้อมคำจำหลักอักษร................................เอาเสียงเรียงตอน
ร้อยต่อตามหลักวรรคกานท์ ฯ
๏ วาดกาพย์ซาบซึ้งตรึงมาน.......................ตรงแม้นเมื่อขาน
เหมือนขับซอเคล้าเสียงคลอ ฯ
๏ สวมคำล้ำความงามพอ...........................เหง้าเพชรเก็จยอ
กุมยอดมกุฎร้อยกรอง ฯ
๏ ร้องกล่อมร่วมกับเหล่าผอง .....................เลอพจน์บทครอง
แบบเค้าเพราแก้วแพรวกานท์ ๚
กลอนสุภาพ
๏ เกริ่นเพลงกานท์ขานกลอนเว้าวอนแก้ว
อย่าละแล้วเลยรักษ์จำหลักสาร
ซึ่งปู่สร้างวางเหง้าแต่เบาราณ
ให้ขับขานคุณค่าภาษาไทย
ร่วมรังสรรค์วรรณศิลป์ตราบสิ้นฟ้า
สืบประภาเพียงแก้วก่องแววใส
จะเรียงถ้อยร้อยกรองทำนองใด
ล้วนต่อไว้วรรณศิลป์แผ่นดินเรา ๚ะ
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๗
25 ตุลาคม 2547 02:13 น.
วฤก
๏ โสมแสงผ่องส่องผ่านผืนม่านเมฆ
เหมือนสร้างเสกสรรค์ทรงชวนหลงฝัน
เป็นรูปต่างร่างแต่งเปลี่ยนแปลงพรรณ
ใครไหนปั้นปรุงนะเรียมคะนึง
เมฆคล้ายซุ้มงุ้มเงาวาดเค้าร่าง
เล็บมือนางในสวนรัญจวนถึง
ที่เคยกอดพรอดพร่ำรักรำพึง
ถ้อยคำซึ้งสู่นางมิจางใจ
เยือกลมหนาวคราวพานสะท้านนัก
หนาวลมจักเหนือจิตเรียมคิดไข
ความหนาวเนื้อเหลือที่จะมีไฟ
ฟ่องอุ่นไออังอาบกำซาบทรวง
เล็บมือนางกลางคืนสะอื้นอ้อน
โอ้อย่างอนเง้าขึ้งเพราะหึงหวง
เรียมรึจะละลาสุดาดวง
เพียงเพราะล่วงเลยกาลพ้นผ่านวัน
ใช่แสงผ่องส่องผ่านผืนม่านเมฆ
เพื่อสร้างเสกทรวดทรงให้หลงฝัน
เรียมสมัครรักนี้นานนิรันดร์
รอไฟกัลป์ฝังกลบจึงลบเลือน ๚ะ
๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๗
24 ตุลาคม 2547 20:18 น.
วฤก
๏ ติดตั้งแผงแต่งซุ้มซอกมุมตึก
ก้นตรอกลึกตลาดคนวาดฝัน
ถูกเบียดชิดติดตรงขอบวงวรรณ
นั่งรังสรรค์หนังสือทำมือมา
ถ้อยร้อยเรียงเสียงพากย์หลายหลากเรื่อง
สรรค์บรรเทืองธารบรรณเริงหรรษา
สานงานจัดวัจนะมิละรา
ตามนามว่านักเขียนผู้เพียรการ
สร้างหนังสือมือทำตรากตรำนัก
ไม่รู้จักฤๅจะรู้สถาน
สิ่งเธอใฝ่ใคร่ฝันใครบันดาล
เธอต้องสานแต่งสรรค์ปลุกปั้นเอา
นั่งเฝ้าแผงแฝงตรอกตรงซอกตึก
คงยอกลึกอยู่ในหัวใจเหงา
นอกทำเนียบเปรียบไปคงใช่เรา
ผู้ยังเฝ้ารังสรรค์วรรณกรรม ฯ
๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๗
13 ตุลาคม 2547 11:42 น.
วฤก
๏ ฟังข่าวสารขานศัพท์เพื่อรับรู้
ลองเพ่งดูเผยใดคือนัยแฝง
ฝังกลเงื่อนเกลื่อนงำการสำแดง
จะเห็นแจ้งเหตุจริงจากสิ่งบัง
ด้วยเพราะเปลี่ยนเพี้ยนแปลงตกแต่งเรื่อง
เป็นเช่นเครื่องชักความเฉตามหลัง
เขาฉาบป้ายฉายปะพึงระวัง
ยามรับฟังรู้ใฝ่การใคร่ครวญ
โฆษณาค่าสนองแค่ต้องเชื่อ
ครอบครองเหนือคนนั่นพาผันผวน
ให้คิดแท้แค่ที่เขาชี้ชวน
ตามกระสวนการสื่อยึดถือมา
แม้นใครหลงคงเลอะเป็นเซอะเซ่อ
ลืมตนเพ้อตรองพิศเห็นมิจฉา
เพียงถ้อยคำทำควันคลุมปัญญา
จะชักพาฉุดพรากก็ลากไกล
อย่าพลั้งจิตผิดจากผู้มากพร้อม
เห็นสิ่งปลอมสร้างแปลงไม่แจ้งไข
กระพี้แก่นแผนกลวงหลอกลวงใด
ย่อมล่อให้หลงหนพิกลกัน
ฟังข่าวสารขานศัพท์จงรับรู้
พินิจดูไหนดังแกล้งรังสรรค์
รู้แก้ไขไกลเขลาเห็นเท่าทัน
กลเล่ห์ปั้นฤๅปราชญ์หลงพลาดตาม ๚ะ
๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๗