22 มกราคม 2547 22:52 น.
วฤก
๏ เมื่อเรียงถ้อยร้อยกรองจนคล่องแคล่ว
ได้ลองแล้วเรขลักษณ์ตามหลักฐาน
วิไลวัจน์จัดวรรคประทักษ์ชาญ
สมหลักการนักกลอนอักษรคม
ควรลองเพียรเขียนกลสับสนเล่น
แล้วค้นเค้นคำกลอนสุนทรสม
ไม่เสียบทรสอ่อนกลกร่อนจม
ฤๅรอนล้มเลอะไปจากใจจินต์
กลบทละบทจารคืองานหนัก
จงสานถักทอไว้วิไลศิลป์
คำลิขิตประสิทธิให้ชนได้ยิน
สืบไว้ถิ่นสถานหลักชาตินักกลอน
เมื่อชำนาญจารคำตามลำดับ
ต้องตำหรับฉันทลักษณ์เลออักษร
จะก้าวไกลให้สมัครสร้างวรรคตอน
กลยักย้อนยืนหยัดฝึกหัดเทอญ ๚ะ
๒๒ มกราคม ๒๕๔๗
19 มกราคม 2547 23:26 น.
วฤก
๏ ช้างแดงแดงดั่งแม้...............เหมือนโอษฐ์แม่แรสีสัน
จุมพิตติดใจพัน.......................ฝันใฝ่ใกล้ใคร่ชื่นเชย ฯ
๏ ช้างแดงแดงดั่งแม้...............เหมือนพรรณ
โอษฐ์แม่แรสีสัน......................สบไซร้
จุมพิตติดใจฝัน.......................จึงใฝ่
ใจใคร่ใกล้ใจไล้.......................รื่นฟื้นชื่นคืน ฯ
๏ เรียมชมโฉมดอกไม้.............ดังเหมือนได้ไล้โลมโฉม
ชื่นใจใคร่ตระโบม...................บรรจงจูบลูบเนื้อนาง ฯ
๏ เรียมชมโฉมดอกไม้.............ละมุนโลม
ดังหนึ่งแนบนวลโฉม..............ชิดเชื้อ
ยวนใจใคร่ตระโบม.................เบาจับ
บรรจบจูบลูบเนื้อ.....................แน่งน้อยนอนฝัน ฯ
๏ กระสันกระเส่าร้อน..............กระส่ายอ้อนจะซ้อนสม
กระเสียดเบียดเนื้อนม..............กระซิบชมสมชื่นใจ ฯ
๏ กระสันกระเส่าร้อน.............เร้าภิรมย์
กระส่ายกระหายสม................สู่ซ้อน
กระเสียดเบียดเนื้อนม..............นอนกอด
กระซิบกระแสงอ้อน................เอ่ยโอ้โลมโฉม ฯ
๏ บรรทมบรรทับด้วย.............บรรถรช่วยอวยสมร
พากย์คำพร่ำเพลงกลอน...........ผ่อนไสยาสน์แทนอาตมเอง ฯ
๏ บรรทมบรรทับด้วย..............ดวงสมร
ในที่ไสยาสน์วอน.....................วากย์ซ้อง
เสียงคำพร่ำเพลงกลอน.............พี่กล่อม
พากย์กาพย์กานท์แก่น้อง............นิทรแม้นแทนขยม ๚
๑๙ มกราคม ๒๕๔๗
18 มกราคม 2547 22:43 น.
วฤก
๏ ชมช่อช้างกระช้อย.................ชายแกว่งย้อยค่อยคล้อยไหว
เหมือนกรอ่อนโอ้ใคร..................เขากวักพี่รอทีฤๅ ฯ
๏ ชมช่อช้างกระช้อย.................ชายไกว
ชักแกว่งกระหวัดไหว................ว่ายฟ้อน
เหมือนกรอ่อนโอ้ใคร.................เขากวัก
คอยชักชวนพี่ย้อน.....................หยุดรั้งรอที ฯ
๏ เรียมอยู่ดูดอกไม้....................ฤๅแม่ให้ไม้สนอง
นาทเสียงบอกเคียงครอง...........สองสู่เจ้าเคล้าคลอสม ฯ
๏ เรียมอยู่ดูดอกไม้...................เขม้นมอง
แม่สั่งไม้สนอง..........................แน่แล้ว
นาทเสียงบอกเคียงครอง...........เคล้าคู่
สองสู่สองประคองแก้ว..............กอดชู้สู่สม ฯ
๏ ช้างกระกระซิบเย้ย................ร้างคู่เชยเลยร้าวเหงา
ดอกเสียดเบียดกันเนา................แนบสนิทชิดเย้ยเรียม ฯ
๏ ช้างกระกระซิบเย้ย...............หยันเอา
เรียมห่างนางว้างเหงา..............ง่านว้า
ดอกเสียดเบียดกันเนา................แนบกลีบ
นาบก่ายคล้ายโอ่อ้า...................เอ่ยเย้ยเรียมไฉน ฯ
๏ ฉมกลิ่นช้างกระแกล้ง............กลิ่นแก้มแสร้งแซงกลิ่นฉม
เชยกลิ่นประทิ่นดม...................ดังกลิ่นน้องประคองเชย ฯ
๏ ฉมกลิ่นช้างกระแกล้ง............กลิ่นฉม
คล้ายกลิ่นแก้มกลบลม...............รสคล้าย
กลิ่นช้างกระชวนดม.................ดังกลิ่น
เชยกลิ่นแก้มละม้าย...................แม่แล้เรียมเชย ๚
๑๘ มกราคม ๒๕๔๗
18 มกราคม 2547 13:01 น.
วฤก
๏ ว่าเพราะเขลาเบาจิตพาผิดพลาด
ไม่คิดคาดไขเล่ห์ความเฉฉล
ลืมใคร่ครวญรวนเรคะเนกล
จึงเปปนเปื้อนผิดหลงทิศไป
ว่าเพราะทรัพย์อับจนเหลือทนอยู่
จึงค้นดูใดปลิดเธอคิดไข
หวังอยู่ดีชีวิตชื่นจิตใจ
จึงติดใยอยากทรัพย์คว้าจับเอา
ว่าเพราะกลัวตัวสั่นถูกบั่นฆาต
ความหวั่นหวาดวัชฌ์จับจนอับเฉา
ดิ้นรนหนีตีสับระงับเบา
ใจกลับเมามุ่งเบียนเข่นเฆี่ยนกัน
ใช่เหตุผลค้นคิดมาปลิดล้าง
ทำผิดอ้างอรรถเปลี่ยนเหตุเพี้ยนผัน
ดังภาพดำนำเขียนแปรเปลี่ยนมัน
เกษียนวรรณวาดขาวล้างคาวฤๅ ๚ะ๛
๑๗ มกราคม ๒๕๔๗
15 มกราคม 2547 11:33 น.
วฤก
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ นักเรียนมิเพียรฝึก...................มิระลึกละกิจตน
เติบเล่ห์กระเท่กล........................กะเทาะแค่คะแนนครอง ฯ
๏ ขาดหลักวิจักขณ์ลึก.................มนตรึกพิลึกมอง
มักง่ายสบายปอง........................มิประคองประคัลภ์ใจ ฯ
๏ ศึกษาระส่ำทราม....................มลลามมลายไหล
นี่ฤๅฤเวไนย...............................นยะใช่ไฉนชน ฯ
๏ ปัญญาประภาภาส..................วิปลาสประหลาดผล
มิจฉาฉมังกล.............................พละล้นกมลมอม ฯ
๏ ลอกเลียนมิเพียรคิด.................ทุจริตจรายหลอม
จรรยายะยั่นยอม.........................ยุรยาตรพินาศพัง ฯ
๏ เพ้อหาอนาคต.........................อปยศประยูรหวัง
วอนคุณธรรมยัง..........................ยุวชนวิกลคืน ๚ะ๛
๑๕ มกราคม ๒๕๔๗