27 มิถุนายน 2546 13:45 น.
วฤก
๏ ทารกเล่นไขว่คว้า............คืบคลาน
จากนั่งจนยืนนาน...............นับก้าว
มือน้อยค่อยเชี่ยวชาญ.........ฉวยจับ
เข้าแข่งขันคว้าน้าว..............เหนี่ยวได้ใดหมาย ฯ
๏ นักเรียนเรียนไขว่คว้า......คะแนน
ข้อสอบคือแบบแผน.............ผ่านชั้น
ปริญญาค่าล้ำแทน-..............ที่ปรัช-......ญานอ
นักปราชญ์ปราศธรรมนั้น....นับหน้านามขนาน ฯ
๏ อาชีพเอื้อไขว่คว้า............ครอบครอง
แสวงทรัพย์เสพสนอง.........สนุขซื้อ
ศีลธรรมคร่ำครึมอง............เมินหมิ่น
คนเก่งแก่งแย่งยื้อ.............หยิบใช้ฉกฉวย ฯ
๏ ยามชราไล่ไขว่คว้า.........ความตาย
ไหนล่ะคือจุดหมาย............มุ่งแท้
มือคว้าไขว่คว้าคลาย.........เคยฉก
ชีพดับคว้าจับแก้...............กลับฟื้นคืนไฉน ๚ะ๛
๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๖
18 มิถุนายน 2546 16:55 น.
วฤก
๏ ดอกเอ๋ยดอกหญ้า
เจ้าไร้ค่าขาดผู้ชูไฉน
จึงดาดดอกออกเกลื่อนทั่วเถื่อนไพร
หวังรึใครเขาด้นมาค้นชม
ใช่ดอกฟ้าค่าล้ำหอมฉ่ำชื่น
ทั้งวันคืนเคล้าเชยมิเคยสม
ตะกายเงาเฝ้าคอยจะสอยดม
ใครนิยมเจ้าบ้างอย่างนี้เอย ๚
๏ ดอกเอ๋ยดอกคูน
ถึงอาดูรได้อะไรใครรึเห็น
ถึงชั่วดีมีสุขทุกข์ลำเค็ญ
ถึงเจ้าเป็นแปลกไปมีใครมอง
ถึงควรคิดสะกิดดูให้รู้แท้
ถึงไหนแน่นึกเอาเขาสนอง
ถึงร้องบอกนอกในหัวใจปอง
ถึงเขาจ้องก็ไม่เห็นเช่นเดิมเอย ๚
๏ ดอกเอ๋ยดอกบัว
นึกเกรงกลัวกระไรว่าใครหยาม
เขาเย้ยหยันวันยังค่ำว่าต่ำทราม
จะไปห้ามให้เว้นเป็นได้ฤๅ
มีแต่จิตคิดขัดอึดอัดแน่น
ด้วยเพลิงแค้นขุ่นไหม้เพราะใจถือ
เป็นเชื้อโกรธโลดเร้าเผากระพือ
ไยยังรื้อร้อนไฟไหม้ตนเอย ๚
๏ ดอกเอ๋ยดอกหญ้า
ยังมีค่าควรชูคนรู้เห็น
ถึงไร้รสหมดประทิ่นกลิ่นหอมเย็น
ใช่ประเด็นดูหมิ่นว่าสิ้นงาม
เกณฑ์กระไรใครแจงจับแบ่งฝ่าย
บอกขวาซ้ายสูงต่ำตอบคำถาม
หญ้าคือหญ้าหญ้าดูก็รู้ตาม
หญ้าพิรามอย่างประสาดอกหญ้าเอย ๚
๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๖
18 มิถุนายน 2546 16:51 น.
วฤก
๏ ปัญหาฤๅเป็นเหตุ............อันทุเรศร้อนทุรน
เหลือที่จะรู้ทน....................ท้นแล้วอกฟกระอา ฯ
๏ หากลี้แลหากเร้น ...........ไม่แก้เข็ญข้อกังขา
ปล่อยยุ่งเกินปัญญา............กว่าแก้ไขให้กลุ้มคลาย ฯ
๏ ปัญหาคือปลายเหตุ.........ให้เล็งเลศที่หลากหลาย
เหตุการณ์ใดหากกลาย.......เป็นเหตุร้ายรีบหักลง ฯ
๏ สาเหตุที่สาหัส.................หากรีบปัดแลรีบปลง
จำกัดเขตจำกรง.................วงระวังวุ่นร้ายวาย
๏ ปัญหาไม่เป็นเหตุ...........ให้ทุเรศร้อนทุราย
แก้เสียกันก่อนสาย............คลายร้อนอกฟกระอา ฯ
๏ อย่าลี้แลอย่าเร้น.............รีบแก้เข็ญข้อกังขา
ปมใหญ่ใช้ปัญญา...............ถ้าแก้ไขทุกข์ก็คลาย ๚
14 มิถุนายน 2546 08:49 น.
วฤก
๑
๏ เห็นดาวพราวพร่างฟ้า........พี่เพ่งหาดาราหมาย
เนตรน้องมองดาวราย............สายเนตรสองเราครองกัน ฯ
๏ เห็นดาวพราวพร่างฟ้า........ฟากสรวง
พี่เพ่งหาดาวดวง...................เด่นแล้ว
ดาวไหนเล่าหนอทรวง...........น้องสู่
เรียมสู่สรวมร่วมแก้ว.............ก่ายด้วยเนตรสอง ฯ
๒
๏ ภรณีนะช่วยชี้....................ดวงไหนที่สีเฉิดฉัน
ชวนพิศจิตผูกพัน..................ครั้นร่วมทัศน์มัดร่วมใจ ฯ
๏ ภรณีนะช่วยชี้...................ฉายพลัน
เผยที่สีเฉิดฉัน....................โชติไซร้
ชวนพิศจิตผูกพัน.................พาจิต
ร่วมพิศร่วมจิตได้.................ดุจแม้นมัดขัน ฯ
๓
๏ กฤติกาแสงพร่าล้อ.............เพียงเรียมพ้อขอคำไข
เนตรน้องมองดวงใด.............ให้ดาวเผยเฉลยมา ฯ
๏ กฤติกาแสงพร่าล้อ............เรียมไฉน
เพียงเอ่ยเผยคำไข..............ข่าวน้อง
สายเนตรสบดวงใด..............ดาวบอก
ดลจิตเรียมร่วมจ้อง.............จ่อจ้องมองหมาย ฯ
๔
๏ โรหิณีนี่หากรู้...................จงช่วยตูกู้กังขา
เห็นแท้แก่สายตา................ว่าชม้ายหมายชมใด ฯ
๏ โรหิณีนี่หากรู้..................เลศนัย
จงช่วยตูรู้ไข......................ขัดแก้
เห็นแจ้งแห่งหนใด.............ดวงเนตร
นางเพ่งเล็งแน่แท้.............ที่ชม้ายหมายชม ฯ
๕
๏ ถามดาวดาวดั่งแกล้ง......กระพริบแสงแสร้งเฉไฉ
ถามข่าวข่าวคราวใด..........ไยไม่เอ่ยเฉลยความ ฯ
๏ ถามดาวดาวดั่งแกล้ง......เกี่ยงกัน
กระพริบแสงแสร้งหัน.........หับเร้น
ถามข่าวกล่าวรำพัน...........เพียงเอ่ย
ดาวกระพริบยิบตาเต้น........แต่อั้นโอษฐ์เฉลย ฯ
๖
๏ เรียมจ้องมองม่านฟ้า......ไม่ใฝ่หาดาราถาม
ส่งใจสู่ใจตาม.....................ตระกองน้องไม่มองดาว ฯ
๏ เรียมจ้องมองม่านฟ้า......ฝ่าโพยม
ไม่ใฝ่ดาวข่าวโฉม.............เฉกกี้
ส่งใจสู่ใจโลม....................ไล้กอด
ใจพรอดใจเช่นนี้................นี่ใช้ดาวไฉน ๚ะ๛
๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๖
12 มิถุนายน 2546 11:48 น.
วฤก
๑
๏ พนมวันเพียงวาดไว้.............วางสวรรค์
ปราสาทปรางค์สุพรรณ............ภาคพ้น
เทพสถานพิมานอัน................โอ่อ่า
งามสง่าเลอค่าล้น..................เล่นล้อรอยสรวง ฯ
๒
๏ ปวงศิลาแข็งแกร่งเนื้อ..........แน่นหิน
นำสลักเสลาศิลป์...................เสกสร้าง
ฝีมือช่างประพิณ....................ประไพแต่ง
เต็มระแบบระบอบอ้าง.............เอ่ยอ้างเอกศิลป์ ฯ
๓
๏ หินสลักสลับริ้ว...................ลายพัน
ภาพกนกกระหนาบกัน.............เกี่ยวเกี้ยว
กรองเฉลาฉลักวัลย์................วาดก่าย
ปลายประกับประกอบเสี้ยว.......สอดร้อยสอยสาน ฯ
๔
๏ กาลไฉนช่างเข่นให้.............หักพัง
ปรักลงปลงฝัง......................ฝุ่นคล้ำ
นพศูลเสื่อมศรีดัง..................ดาวดับ
ดินทับถมตมซ้ำ....................ซากสิ้นภินท์สลาย ฯ
๕
๏ หมายเหตุอุเทศชี้...............ฉายกล
ใดฤฤๅคงทน.......................เที่ยงแท้
ศิลาช่วยเผยผล...................พึงใคร่-....ครวญนา
ผู้อยู่คู่ฟ้าแล้.......................โลกนี้มีไฉน ๚ะ๛
๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๖