22 มีนาคม 2546 18:52 น.

+++ อรุณรุ่งอันรวดร้าว +++

วฤก


๏ ละลอกหมอกกลอกเกลียวเกี้ยวกระหวัด
ไล้ระบัดใบไม้ในไพรสัณฑ์
ละมุนแสงแรงฉายพรายตะวัน
ด้วยม่านควันคลุมไว้มิให้พาน
เพชรน้ำค้างวางไว้บนใบหญ้า
สะท้อนมาแม้นสีมณีฉาน
แววรุ้งฉาบอาบสิ้นแผ่นดินดาน
เพียงสถานเทพสถิตพิจิตรชม
พี่เดินดูหมู่ไม้ในยามเช้า
เมื่อห่างเจ้าใจสะอื้นเพราะขื่นขม
ฟ้าอรุณขุ่นไข้ใจระทม
ภาพภิรมย์มิพาชื่นระรื่นใจ
ละลอกหมอกกลอกเกลียวเกี้ยวกระหวัด
เพียงสัมผัสพี่พรอดกอดไฉน
จึงรางเลือนเหมือนจะชืดจางจืดไป
ด้วยม่านไอหมอกอับให้ดับลง
เพชรน้ำค้างวางไว้บนใบหญ้า
งามจับตาตรึงจิตพิศวง
เพียงฟ้าแจ้งแสงตะวันก็พลันปลง
ไม่ยืนยงอย่างจิตคิดถึงเธอ ๚ ๛				
22 มีนาคม 2546 18:20 น.

+++ เพลงไพรในวันร้อน +++

วฤก



๏ เพลงจักจั่นสนั่นก้องทั้งห้องป่า
ปลอบพนาพนมกว้างคลายคว้างเหงา
ล้างระอุประทุร้อนให้ผ่อนเพลา
สร่างซึมเซาสิ้นไปจากไพรวัลย์
เพลงไพเราะเสนาะศัพท์ประดับโสต
เสียงสมโภชสุขฤทัยรึไพรสัณฑ์
ฤๅรื่นเริงเถลิงการณ์งานสำคัญ
จึงพากันกล่อมเพลงบรรเลงรมย์ ๚

เสียงสงครามตามผลาญด้วยดาลโกรธ
ประทุโชติเชื้อกลีทวีถม
ทลายโลกวิโยคร้องก้องระงม
ทุกข์ระบมระบาดล้นสกลไกล
กระหายเลือดเชือดเนื้อเถือชีวิต
วิปริตร้อนลาญผลาญไฉน
ทุรยุคขุกเข็ญเข่นประลัย
น่าเศร้าใจจริงมนุษย์สุดบรรยาย ๚

เพลงจักจั่นสนั่นก้องทั้งห้องป่า
บอกพนาพนมไว้ว่าใจหาย
สันติภาพอาบหล้ามาละลาย
โลกกลับกลายกลบธุลีกลีกาล
สิ้นเสียงเพลงประเลงเพราะเสนาะศัพท์
เงียบระงับงานฉลองให้ร้องขาน
เสียงจักจั่นวันร้อนสะท้อนนาน
น่าสงสารสัตว์มนุษย์รุดฆ่ากัน ๚ ๛				
17 มีนาคม 2546 10:58 น.

+++ ลมพัดพร้าว +++

วฤก

-๑-
๏ เพียงพัดพานกระเพื่อมพลิ้ว......พลิกไกว
ก้านแกว่งกระหยับใบ.................โบกย้าย
ลมลูบจูบนางไฉน.....................นั่งสะทก....สะท้านนอ
มะพร้าวกวัดใบปัดละม้าย............แม่ป้องมือกัน ๚

-๒-
๏ ยามกระสันสวาทเย้า................ยวนฤดี
ฤๅย่อมยอมยอบพลี....................เพื่อชู้
ถ้าชิมชื่นแล้วหนี........................แหนงหน่าย
นั้นกลับคืนจับกู้.........................กลบล้างคาวไฉน ๚

-๓-
๏ ใครยินฉินโฉ่ซ้ำ.....................เสียดแทง
ขยายข่าวฉาวแสดง...................สดับซ้อน
เสียสงวนซึ่งนวลแสวง................สวาทเสพ
สมสวะใครจะย้อน......................ยกขึ้นขอดเดน ๚

-๔-
๏ เห็นมะพร้าวกระเพื่อมพลิ้ว........พลิกไกว
กวัดแกว่งกระหยับใบ.................โบกก้าน
บอกอนงค์หนึ่งนั่งใน..................ขนำนิ่ง
นางวิตกอกสั่นสะท้าน................ที่ชู้ชิงหนี ๚ ๛				
7 มีนาคม 2546 10:32 น.

+++ เหตุผล +++

วฤก


-๑-
๏ โลมลมลงแนบเนื้อ.............นวลผจง
เสมอหัตถ์เรียมโอบองค์..........แอบอุ้ม
เผาจิตพี่พะวง.......................ผวาหวั่น
หวาดพยุพยศกลุ้ม.................กอดน้องนวลถนอม ๚

-๒-
๏ พิศโพยมโสมสว่างแจ้ง........กระจ่างตา
โสมสบสองนัยนา..................แน่แท้
ยามคิดยิ่งอิจฉา....................ฉุนโกรธ
จันทร์โฉดจ้องโฉมชะแง้.........ชะโงกหน้าชมไฉน ๚

-๓-
๏ เสียงดังจังหรีดร้อง.............ร่ำไร
เสียงพร่ำคำวอนใคร..............ใคร่รู้
เสียงชวนป่วนฤทัย.................ร้อนทิ่ม........แทงเฮย
เสียงสั่งดังชิงชู้.....................ฉกน้องนึกเฉลียว ๚

-๔-
๏ จึงตระกองสองหัตถ์ต้อง......ต่างลม
สองเนตรสร่างโสมชม...........ชื่นเคล้า
เรไรร่ำระงม........................ระงับเงียบ
เรียมกระซิบกระสันเจ้า...........จึ่งเฝ้าประโลมโฉม ๚ ๛

.				
7 มีนาคม 2546 09:36 น.

+++ ขันธ์ ๕ +++

วฤก

-๑-
๏ โว....การวางก่อแล้ว..............ลองคิด
หาร.....แบ่งบอกห้าชนิด............นับถ้วน
ภาพ....รูปแผกนามผิด..............พิศต่าง......พรรณนอ
พจน์....เอ่ยท่านเผยล้วน............เรียกไว้เบญจขันธ์ ๚

-๒-
๏ คือรูปคราวเริ่มเค้า.................แรความ
ทุกข์สุขเวทนาตาม...................แต่งแต้ม
สัญญาว่านิยาม.......................นิยตอยู่.......รู้เฮย
ปรุงแต่งสังขารแกล้ม................ก่อขึ้นวิญญาณ ๚

-๓-
๏ ยังเกิดยังดับย้อน.................ยืนนาน
ยังห่างพระนิพพาน..................ภาคพ้น
ดับขันธ์ขาดประสาน................สูญประสาธน์
เสมือนดับเพลิงกิเลสค้น...........คุเชื้อโชติไฉน ๚

-๔-
๏ ฉะนั้นพึงพินิจรู้....................เล่ห์กรรม
ปฎิจสมุปบาทธรรม.................ถ่องแท้
พจน์พระพุทธเจ้านำ................น้อมป- ฏิบัตินา
ศีลสมาสสมาธิแก้...................กร่อนล้างเขม่าเขลา ๚ ๛


.				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวฤก
Lovings  วฤก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวฤก
Lovings  วฤก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวฤก
Lovings  วฤก เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวฤก