13 ตุลาคม 2546 12:31 น.
วฤก
๏ ในยามดึกยามดื่นค่ำคืนร้อน
เรียมสะท้อนสะทกวิตกไหว
เกรงว่าเวรว่ากรรมเคยทำไป
มาส่งภัยส่งผลตามกลกรรม
จึงได้พรากได้พลัดถึงบัดนี้
พลั้งท่าทีท่าทางย่างถลำ
หลงระหกระเหินเกินกลับลำ
จิตระส่ำระสายเจียนวายชนม์
รอยน้ำค้างค้างไม้ไม้ไห้โศก
เจ้าวิโยคจากไกลไกลจากหน
ไม่เทียมพี่พี่ไกลไกลกมล
มีรอยหม่นหมองช้ำช้ำน้ำตา
ยากจะเฉยจะชินสิ้นเทวษ
คงทุเรศทุรนทนโหยหา
กี่ยามดึกยามดื่นฝืนอุรา
เลิกพะว้าพะวังหันหลังคืน ๚ะ๛
๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๖
13 ตุลาคม 2546 10:37 น.
วฤก
๏ ฉากชีวิตลิขิตไว้ใครกำหนด
เขียนเป็นบทบังคับกับวิถี
เดินซ้ายขวาหน้าหลังทั้งชั่วดี
ทั้งหมดนี้นะใครเขียนให้คน
บ้างว่าพรหมลิขิตประสิทธิเส้น
บ้างว่าเป็นบุญกรรมสัมฤทธิ์ผล
บ้างว่าพระเป็นเจ้าประสงค์ดล
ต่างตัวตนต่างทางจึงต่างกัน
หากว่าผลดลมาจากสาเหตุ
ถ้าสังเกตใกล้ชิดไม่บิดผัน
ปฏิจสมุปบาทวาดผลอัน
เป็นชาติชั้นเชื้อวัฏไม่ตัดตอน
ฉากชีวิตลิขิตทำตามกำหนด
ไปตามกฎแห่งกรรมพระธรรมสอน
กระทำดีดีดลผลบวร
กรรมชั่วทอนทิ้งห่างล้างได้ฤๅ ๚ะ๛
๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๖
12 ตุลาคม 2546 20:01 น.
วฤก
ภาพจาก http://www.manager.co.th/QOL/viewnews.asp?NewsID=4681386086343
๏ ทุ่งพระเมรุรึมาตรแม้น........เมืองสวรรค์
ภาพฉากพิจิตรอัน...................อวดได้
ประดาแขกฝรั่งหัน..................เห็นชื่น.......ชมนอ
น่าประดิดประดอยไว้.............หว่างข้างทางสถล ฯ
๏ คนจรตอนผ่านผ้าย............ผาดพิศ
ภาพพจน์พิปริต......................รกเรื้อ
รุงรังบดบังมิด........................เม้มเก็บ
ตกแต่งตฤณตาบเนื้อ............เน่าไว้ในสนาม ฯ
๏ ห้ามไทยใครใคร่ค้า............ข้างด
ใครใคร่ขายหายหมด.............หมกสิ้น
ข้อคำพ่อขุนจด......................จริงแต่.......ศิลาเวย
วันนี่ข้าจักปลิ้น.......................เปลี่ยนให้ฝรั่งเห็น ฯ
๏ เป็นทุ่งหญ้าใหญ่กว้าง......กลางกรุง
ปราสาทราชวังปรุง...............แปลกหน้า
เสนอให้ฝรั่งมุง.....................มองเล่น
เป็นประโยชน์โภชผลค้า......ขุดบ้านเมืองขาย ๚ะ๛
๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๖
12 ตุลาคม 2546 19:29 น.
วฤก
๏ จ๊ะเอ๋! เจ้าแอบเร้น............ฤๅไฉน
ชวนเล่นซ่อนหาไย..............ยากค้น
ตามตู้ตั่งโต๊ะไข..................ควานหมด
เหมือนดั่งผีบังพ้น................พรากไร้ใครเห็น ฯ
๏ ความฝันวันเก่าเกื้อ-..........กูลผล
เพื่อประโยชน์ประชาชน........ช่วงใช้
หันหายห่างเหหน.................หัตหั่น......หั้นฤๅ
ซุกซ่อนซับซ้อนไว้..............วัชฌ์ให้วายหาย ฯ
๏ กลฉลดลป่นพ้น...............ผลชน
คนก่นวนค้นจน...................บ่นค้น
ทนจนหม่นมนตน................หนป่น
หลหล่นปนมลล้น................ร่นพ้นพลผล ฯ
๏ จ๊ะเอ๋! เจ้าแอบเร้น............ฤๅไฉน
ถึงเปลี่ยนถึงแปลงไป...........ป่านนี้
อุดมการณ์ผ่านสมัย.............สมัตสร่าง.....สูญฤๅ
หาซ่อนหาหลบลี้.................เล่นแล้วลืมหรือ ๚ะ๛
๙ ตุลาคม ๒๕๔๖
8 ตุลาคม 2546 15:33 น.
วฤก
๏ ห่างนวลหวนนึกไห้..............โอ้อาลัยใจเปลี่ยวเหงา
แรมร้างห่างพริ้งเพรา..............เฝ้าคำนึงถึงนวลปราง ฯ
๏ สายัณห์ศัลย์ยอกสัก...........เสียดายรักจักเมินหมาง
ราวแสงแรงสูรย์จาง...............วางวาดฟ้าพร่าเลือนรงค์ ฯ
๏ รมควันอันธการ.................กรอมหมอกพานม่านฝุ่นผง
เหมือนจิตคิดพะวง................สงสัยนวลจะรวนเร ฯ
๏ ลองถามยามลมผ่าว...........ลมรู้ร้าวข่าวหันเห
เห็นนัยใครเขาเก..................เล่ห์ลวงฤๅถือความมา ๚
๏ ลมเฉยเลยฉิวลัด...............ประพาตพลัดอรรถกถา
ถามใดไม่นำพา....................น่าสงสัยใจระแวง ฯ
๏ กายไกลไม่ไกล่ใกล้..........ใจไม่ไขว้ไว้ให้แฝง
ไหวไปใกล้ใครแคลง.............แปลงใจได้ไร้ไยดี ฯ
๏ ดึกหนาวดาวหนึ่งร่วง...........ละลิ่วควงจากสรวงศรี
เหมือนมิตรปลิดไมตรี............พี่เพียงดาวคราวร่วงราน ฯ
๏ ห่างนวลหวนนึกไห้.............เพลิงหวงไหม้ไฟร้าวผลาญ
จากเรือนเหมือนไม่นาน..........การณ์ใช่แกล้งระแวงเอง ๚ะ๛
๗ ตุลาคม ๒๕๔๖