29 มีนาคม 2545 22:04 น.
วฤก
๑
๏ พระชนม์วารวันผ่านคล้อย................ครบปี
สยามมกุฏราชกุมารี.............................ราษฎร์น้อม
ถวายพรพระทรงศรี.............................สราญยิ่ง
เป็นมิ่งขวัญราษฎร์ค้อม........................รับขึ้นทูนเศียร ๚
๒
๏ เวียนผันวันผ่านพ้น.........................ผ่านวาร
เหมือนดั่งจะฝังนาน.............................แน่นเนื้อ
อเนกนับอนันต์ประการ.......................ประกอบกิจ
พระก่อพระเอื้อเกื้อ..............................แก่ข้าบาทยุคล ๚
๓
๏ ธราดลไม่เสื่อมสิ้น............................สุขสันต์
ทรงถักทอใยพัน..................................ผูกไว้
สายใจที่ไทยขัน...................................ขึงมั่น
มัดแน่นน้ำใจได้.................................เพราะด้วยพระบารมี ๚
๔
๏ ประชุมศรีเชิญเทพไท้......................ทั่วนภา
ประชุมเหล่าเทพรักษา.........................รุกข์ล้อม
ประชุมกันกลั่นมังคลา..........................ชัยสิทธิ์
ประชุมฤทธิ์ประสิทธิน้อม......................ประสาทให้ทรงสนาน๚
๕
๏ พระชนม์วารวันผ่านคล้อย................ครบปี
สยามมกุฏราชกุมารี.............................ราษฎร์ไหว้
ถวายพรพระทรงศรี.............................สราญยิ่ง
เป็นมิ่งขวัญข้าใต้.................................พระบาทนั้นนิรันดร์เทอญ ๚ะ๛
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ฯ
ข้าพระพุทธเจ้า นพ.ธีรวรรธน์ ขันทอง
ประพันธ์ในนาม นิตยสารหญิงไทย
๑๑ มีนาคม ๒๕๔๕
28 มีนาคม 2545 23:16 น.
วฤก
ภาพจาก ๑๐๘ พรรณไม้ไทย
๏ ประหนึ่งทองลำยองทอเป็นช่อชั้น
แพรสุพรรณพาดทาบกำซาบผิว
ระย้าย้อยช้อยช่อล้อลมปลิว
กระเพื่อมพลิ้วพลิกไกวไล้พระพาย
ในไอแดดแผดผ่าวเพลิงร้าวร้อน
หรือรารอนเรืองสีรุจีฉาย
ดอกเด่นเหลืองเมลืองพรรณอันเพริศพราย
แลละม้ายเหมือนทวีรังสีเรือง
ราชพฤกษ์ จารึกขานขนานชื่อ
บ้างว่าคือ ดอกคูน จำรูญเหลือง
ขอนแก่น น้อมนิยมไว้เป็นไม้เมือง
หมายบรรเทืองดอกคูน ค้ำคูน การณ์
สร้อยสีทองกรองก่อเป็นช่อชั้น
แพรสุพรรณผูกรักมาถักสาน
งานดอกคูนเสียงแคน แดนพิมาน
เที่ยวสงกรานต์ขอนแก่นแสนสุขใจ ๚ ๛
28 มีนาคม 2545 12:14 น.
วฤก
๏ เสียงจักจั่นสนั่นไพรร่ำไรร้อง
เป็นทำนองคะนึงครวญป่วนใจหาย
ผะผ่าวร้อนซอนเซาะเกาะกุมกาย
ยามพระพายพัดอ่อนยิ่งร้อนรุม
เจ้าครวญคำพร่ำคะนึงถึงใครเล่า
คิดหรือเขาคอยรอนร้อนรุมสุม
คิดหรือเขาเข้าใจในแง่มุม
คอยโอบอุ้มอุ่นเอื้อคอยเกื้อกูล
ในระแหงแห้งเหือดที่เดือดพล่าน
แทบจะผลาญชีวิตให้ปลิดสูญ
ใครจะจางล้างระกำก่อจำรูญ
จะเพิ่มพูนพลังใจอย่างไรกัน
ก็ด้วยป่ามาไร้ซึ่งไม้ปก
เป็นนรกแล้วไฉนโอ้ไพสัณฑ์
คนบุกถางล้างพงลงทุกวัน
เจ้าจักจั่นจะร้องไย......ใครเขาแล ๚ ๛
26 มีนาคม 2545 20:52 น.
วฤก
๑
๏ ผาดโผนโจนเผ่นเต้น....................ตื่นตน
ม้าป่าวิ่งวนรน...................................เร่งลี้
แผลงศรสู่เวหน................................สุดเหนี่ยว......น้าวนอ
แรงเร่งพาชีชี้...................................เช่นแม้นแรงศร ๚
๒
๏ อัสดรมิผ่อนร้อน...........................แรงพยศ
กรากเหนี่ยวเกี้ยวกรกด...................กล่อมไว้
ม้าสลัดจะลัดลด...............................แรงผ่อน....เพลาฤๅ
ลองสื่อใจใส่ไซร้...............................ส่งล้างแรงผยอง ๚ ๛
26 มีนาคม 2545 15:50 น.
วฤก
๑ โตเล่นหาง
๏ พลัดสรวงร่วงหล่นพ้น............................ผืนโพยม
เคยอยู่คู่โคมโสม.......................................ส่องฟ้า
แสงดับอับโฉมโทรม..................................ศรีเสื่อม
แสงสว่างจางพร่าล้า....................................หรี่เร้นเลือนสลาย ๚
๒ - โตเล่นหาง
๏ เคยฉายพรายแข่งแจ้ง...........................แจ่มจันทร์
มาสร่างจางพรรณผัน.................................ผิดพ้อง
โอ้ไฉนใคร่หันวัน......................................เวียนกลับ
วางประดับขับผ่องห้อง.................................แห่งห้วงเวหา ๚
๓ โตเล่นหาง + วัวพันหลัก
๏ น้ำตาบ่าหล่นล้น......................................ไหลริน
รินหยดรดดินถวิล......................................เทวษไห้
ไห้หวนป่วนจินต์วิญญ์...............................วอดดับ
ดับทุกข์จุกใจไข้.........................................ข่มล้มลืมไฉน ๚
๔ โตเล่นหาง (อีกครั้ง)
๏ หล่นไปในดินสิ้น..................................แสงฉาย
เคยสว่างพร่างพรายวาย...........................วอดแล้ว
วอดดับวับหายสลาย..................................สละร่วง
เลือนหล่นป่นแววแก้ว.............................ก่องฟ้าเฟือนหมอง ๚ ๛