25 ธันวาคม 2545 09:35 น.
วฤก
๏ ติ..............เตียนแต่แค่ขึ้น..........................โครงขอน
เรือ...............ขุดคร่าวแค่ตอน........................แต่งเค้า
ทั้ง................ลำบ่ถากทอน............................ที่เกะ-.........กะนา
โกลน...........อยู่ผู้ใดเว้า..................................ว่าเกลี้ยงเกลาไฉน ๚
๏ ติโขน.......ก่อนแต่งแต้ม..............................เตรียมพัสตร์
ยังไม่ได้.......เจียนจัด.......................................จีบผ้า
แต่ง.............กลว่ายลขัด.................................เขินขาด
ตัว................บ่แต่งใจบ้า...............................บ่นได้ระคายหู ๚ ๛
25 ธันวาคม 2545 09:33 น.
วฤก
-๑-
๏ มาจารอักขระร้อย.........................เรียงผจง
ตั้งจิตวาดจินต์ลง.............................เรขแต้ม
ฉันทลักษณ์หลักบรรยง....................ยึดอย่าง
วางบทสรรค์พจน์แฉล้ม...................ฉลุช้อยชโลงบรรณ ๚
-๒-
๏ รังสรรค์ร่วมสืบสร้าง....................ศิลปะ
เสมือนหนึ่งรัตนะ............................เนื่องเนื้อ
สวมประดับขับวาทะ........................เทียมก่อง.............แก้วนอ
ภาสน์เสนาะเพราะโคลงเอื้อ............อะเคื้อภาษา ๚
.
-๓-
๏ รจนาความแต่งแต้ม....................ตามกระสวน
โทสี่เอกเจ็ดทวน............................ทั่วถ้อย
ตรงตำแหน่งคำควร........................ครบที่
เกลาแต่งรสความร้อย.....................รื่นล้ำคำขาน ๚
-๔-
๏ จึงจารอักขระแต้ม.......................แต่งโคลง
บทต่อบทตรึงโยง...........................ยึดไว้
จากบรรพ์ร่วมจรรโลง.....................จนปัจ-..........จุบันนา
นำสืบสานนานใกล้..........................กัปสิ้นจึงสูญ ๚ ๛
21 ธันวาคม 2545 18:30 น.
วฤก
-๑-
๏ คำฉินยินยั่วเย้า.........................ยุโกรธ
คำถ่อยคือถ้อยโทษ.......................ประทุษร้าย
คำถ้าถั่งถึงโสต.............................โทสะ........ปะทุนอ
คำนั่นสั่งเต้นคล้าย.........................คลั่งบ้าเบี่ยงเบน ๚
-๒-
๏ เห็นผิดผู้อื่นล้วน........................หลากหลาย
นิดหนึ่งนำขยาย............................เขย่าฟุ้ง
ผิดตนกลบพ้นอาย.........................เอาซ่อน.......ไว้แฮ
คอยค่อนคนอื่นคลุ้ง.......................คุข้อควรฉิน ๚
-๓-
๏ นินทานั่นรึร้าย...........................เล่ห์กล
แค่แต่คิดว่าตน..............................ต่ำต้อย
เพียงเพลาผ่อนกมล.......................ไหม้เดือด
โดยข่มคนอื่นด้อย..........................ดับด้อยกระดกตัว ๚
-๔-
๏ หลงมัวจิตเดือดโต้......................ตอบสนอง
นั้นต่ำตามกันตรอง........................ตรึกยั้ง
หยุดตนแต่นี้ลอง............................แลใหม่
เมินเล่ห์มิจฉาพลั้ง.........................พ่ายถ้อยโฉดฉิน ๚ ๛
.
21 ธันวาคม 2545 18:23 น.
วฤก
.
-๑-
๏ กลอนเปล่าฤๅเปล่าไร้..................สัมผัส
ฤๅเล่นเสียงเรียงอรรถ.....................เอ่ยถ้อย
ถึงคำไม่ทำฟัด................................ฝากสระ........... สะกดนอ
สัมผัสความคิดคล้อย.......................ข่ายคล้องคือเฉลย ๚
-๒-
๏ นิพนธ์เผยเพียงพจน์แต้ม.............แต่งความ
ผู้อ่านขานคำตาม............................ตรึกพร้อม
พินิจพจน์ว่างดงาม..........................แง่จับ................ใจเฮย
สัมผัสรัดจิตน้อม.............................แน่วซึ้งอักษร ๚ ๛
15 ธันวาคม 2545 03:16 น.
วฤก
.
๏ ไม่อยากจำยิ่งจำยิ่งย้ำลึก
ไม่อยากนึกอยากเห็นยิ่งเด่นฉาย
ไม่อยากมองยิ่งมองจ้องมิวาย
ไม่อยากพ่ายอยากแพ้ขอแค่ลา
อยากลืมวันคืนวันสัมพันธ์ชิด
อยากปลงปลิดปลงใจเคยใฝ่หา
อยากอดกลั้นกลืนกลั้นอั้นน้ำตา
ที่ไหลบ่าไหลนองคับข้องใจ
ลืมให้หมดอดอกสะทกสะท้าน
ทรวงจะรานฤๅนั่นมิหวั่นมิไหว
จะเจ็บช้ำลำเค็ญก็เป็นก็ไป
ความขื่นไข้ขมปร่าจะท้าจะทาย
ไม่อยากจำยิ่งจำยิ่งย้ำลึก
ไม่อยากนึกอยากเห็นยิ่งเด่นฉาย
ไม่อยากมองยิ่งมองจ้องมิวาย
ไยจึงพ่ายจึงแพ้แค่อยากลืม ๚ ๛