29 ธันวาคม 2544 00:57 น.
วฤก
ถึงมหา สารคาม นามกระเดื่อง
นิยามเมืองตักสิลาพาขานไข
แหล่งศึกษาวิชาการพิศาลไกล
แววว่องไววิทยาปัญญาชน ฯ
นั่งริมคลองสมถวิลถวิลหา
โอ้ขวัญตาตัวพี่ที่ห่างหน
ยิ่งถวิลถึงน้องหมองทุรน
หมายกมลมุ่งคืนมาชื่นเชย
สมชื่อคลองต้องใจจะได้สม
เฉยช้ำตรมตนไข้ใจเฉื่อยเฉย
เลยละร้างห่างเรือนเหมือนละเลย
ใจเจ้าเอ๋ยขื่นขมไม่สมใจ
อยากจะสมถวิลหวังดังตั้งจิต
จะสัมฤทธิ์ดังจินต์ถวิลไฉน
เพราะแรมรอนจรห่างหนทางไกล
สุดจะให้หายตรมสมชื่อคลอง ฯ
28 ธันวาคม 2544 21:07 น.
วฤก
๏ โอ้จอมขวัญวันพรากจากเคหา
ห่างจากเจ้าเศร้าใจจำไคลคลา
ที่หายหน้าหันเหร่อนเร่ไกล
พี่เคลื่อนคล้อยลอยเลื่อนเหมือนเดือนร่วง
ลงจากสรวงสู่แผ่นแดนไศล
มิลาลับจะกลับมาหาจอมใจ
ลงลูบไล้โลมน้องประคองนอน
แต่วันนี้มีกรรมให้จำพราก
จำใจจากขอนแก่นแดนไม้ขอน
จิตถวิลมิสิ้นสร่างตามทางจร
จึงเขียนกลอนกล่อมกล่าวคราวคะนึง ฯ
ขึ้นถนนด้นผ่านบ้านเมืองเก่า
ดูซบเซาซึมจิตพี่คิดถึง
บ้านเมืองเปลี่ยนเวียนผันให้พรั่นพรึง
เจ้าอย่าพึ่งแผกรักให้หักคลาย
ถึงท่าพระพระเจ้าจงเข้าจิต
คอยสะกิดสติตั้งอย่าพลั้งหาย
ให้เสื่อมศีลสิ้นธรรมต่ำอบาย
สะกดหมายหม่นหมกนรกลวง
ขอคุณพระประคองคอยป้องปก
อย่าให้ตกทุกข์ใดใจห่วงหวง
น้องจงปราศนิราศไร้ภัยทั้งปวง
รอพี่ล่วงเคหามาชื่นชม ฯ
ผ่านโกสุมพิสัยไพสิฐสร้าง
ผกาต่างพรรณแผกแทรกผสม
ผสานกลิ่นประทิ่นหอมน่าดอมดม
รื่นภิรมย์รสแล้วแก้วผกา
โอ้พิกุลกรุ่นเขนยชวนเชยแก้ม
ยลนางแย้มหยอกจิตคิดครวญหา
เจ้าสายหยุดยุดชายให้ชายตา
ยาตรเยื้องช้าเฉยเฉื่อยเพราะเหนื่อยใจ ฯ
28 ธันวาคม 2544 19:26 น.
วฤก
๑ ๏ ฉันท์ โคลง กลอน กาพย์ ซ้อง................เสนาะเสียง
ฉันสมัครจักจารเรียง..................................รจน์ร้อย
ฉันทาค่ากานท์เพียง...................................สุพรรณพร่าง.........พรายนอ
ฉันก่อทอสร้อยถ้อย.....................................ถักไว้วรรณศิลป์ ฯ
๒ ๏ วรรณสารสานสืบสร้าง...........................ส่งมา
ส่งผ่านกาลเวลา...........................................ล่วงนั้น
ล่วงไปใช่เซาซา..........................................ซึมเสื่อม
ซึมซ่านกานท์ฤๅกั้น.....................................กีดข้ามเขตสมัย ฯ
๓ ๏ คือเสมือนแม้นเพชรรุ้ง.........................เรืองสวรรค์
พรายพร่างสว่างพรรณ.................................เพริศแพร้ว
เพลงพจน์บทบวงบรรณ................................บูรณ์ดั่ง..........เพชรนา
เลอค่าเพียงแพรวแก้ว..................................ก่องล้ำเลอสรวง ฯ
๔ ๏ เรียงเสียงเพียงเพชรร้อย......................เรียงราย
ประภัสสร์ผ่องเพียงเพชรฉาย........................เฉิดจ้า
วรรณศิลป์ไป่สิ้นพราย..................................เพลาพร่า
ทรงอยู่คู่แผ่นหล้า..........................................ร่วมสร้างศุภักษร ๚
27 ธันวาคม 2544 17:45 น.
วฤก
สวัส.......ดิ์สุขสุขสวัสดิ์สร้าง........................สวาสดิ์ศานต์
ดี...........สู่อยู่ชั่วกาล.................................กัปคล้อย
ปี...........ติเปี่ยมเต็มมาน..........................มากมิ่ง......ศรีแล
ใหม่.......เก่าเคล้าพรร้อย.........................ร่วมล้อมเริ่มฉนำ ๚
26 ธันวาคม 2544 23:45 น.
วฤก
ภาพจาก : ทัวร์ไทย
กาพย์ยานี ๑๑
๏ พลิกพลิ้วปลิวเคว้งคว้าง........................ล่องลอยกลางหว่างเวหา
ยักย้ายส่ายซัดมา.....................................ถลาปลงลงดินดาน
๏ เคยอยู่ชูชิดยอด...................................ถูกถางถอดทอดทิ้งผลาญ
ใบไม้ใบบิ่นราน......................................ฤๅใครหาญกานทำลาย
๏ ร่วงหล่นปนดินฝุ่น................................คลุกเคล้าขุ่นซุนเสื่อมสลาย
สดสีขจีพราย...........................................กลายกลับหม่นป่นเปื่อยตม
๏ ชีวิตปลิดเคว้งคว้าง..............................ปลงปล่อยร่างวางทับถม
กองทิ้งกลิ้งคละจม...................................รมฝุ่นดินสิ้นตัวตน
๏ มีหรือถือตัวมั่น....................................มีตัวฉันอันสับสน
ฉันอยู่คู่สกล...........................................พ้นวางวายคล้ายอมร
๏ พลิกพลิ้วปลิวลิ่วล่อง.............................ควรแลมองตรองตรึกสอน
ใบไม้ใบร่วงรอน....................................อุทาหรณ์ตอนตนตาย ๚