17 กรกฎาคม 2548 00:12 น.
วฤก
๏ ละมุนโลมโฉมฉายพระพายพัด
ลมเลาะลัดเลียมล่วงเรียมหวงแหน
ตระกองกรอ้อนคำกระทำแทน
ครุ่นคุมแค้นขุ่นขึ้งเรียมหึงลม
วายุชิดสนิทเนื้อเหนือพี่แนบ
คงคิดแอบโอบชื่นอกขื่นขม
นิ่มเนื้อน้องหมองไปเอ๊ะใครชม
เรียมระทมแทบตายเสียดายนวล
สัมผัสลมจมประหวัดประหวั่นจิต
สัมผัสชิดชักจะพลิกจะผันผวน
สัมผัสใจใคร่จะเปลี่ยนจะแปรปรวน
สัมผัสยวนหยอกสะทกสะท้านใจ
ละมุนโลมโฉมเฉลาเฝ้าสัมผัส
ฉะอ้อนอรรถเอ่ยคำรำพันไข
ที่เฝ้าหวงห่วงเหลือเพราะเยื่อใย
รอประลัยทำประลาตจึงขาดกัน ฯ
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๘
12 กรกฎาคม 2548 15:15 น.
วฤก
๏ พรายฉายเพชรฉาบพื้น.........ผืนชล
พร่างหยอกสุริยน......................ยั่วท้า
แสดงแสงแข่งแรงผล................ลืมพ่าย..........ฤๅพ่อ
เลยแผดพะแดดจ้า.....................เด่นแจ้งแรงฉาย ฯ
๏ ระยิบย้ายกระเพื่อมพลิ้ว..........กระพือแพร
ผืนคลื่นสาดกระแส....................ส่งซ้อน
แสงดับสลับแล..........................รุจน์ส่อง
ราวก่องแก้วเก็จสะท้อน..............ทั่วท้องธารสถาน ฯ
๏ เปรียบปานชีวิตแม้น...............เสมือนสินธุ์
กรรมก่อกรรมผลิน....................ผลิตไว้
ดลผลส่งยลยิน..........................อย่างสดับ.........ธรรมแล
เป็นสว่างฤๅมืดได้.....................ดั่งนั้นผลกรรม ฯ
๏ พึงนำภาพพร่างพื้น..............ผืนชล
ฉายส่องมองกมล....................มุ่งแจ้ง
คราวรุ่งรึอับจน.......................จงตรึก-.........ตรองนา
นั้นใช่ใครเขาแสร้ง...................สิ่งแท้กรรมสนอง ๚ ๛
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๘
2 กรกฎาคม 2548 20:58 น.
วฤก
๏ ครืนครืนฟ้าสะอื้น...........สะอึกครวญ
เสียงห่มไห้รัญจวน.............จิตร้าว
ร้องไปเรียกใครหวน.........เขาห่าง........แล้วเฮย
พร่ำบ่นหาหนน้าว...............เหนี่ยวย้อนคืนไฉน ฯ
๏ ชลนัยน์ฟ้าหยาดท้น........ท่วมนอง
ฝนฟอกผืนดินหมอง...........หม่นแผ้ว
ชลนัยน์จากทุกข์ถอง...........ที่อก.......พี่อา
ท่วมจักรวาลแล้ว................ล่มน้ำนัยน์ลาญ ฯ
๏ สัญ-...ญาณฝนหลั่งล้าง......ลืมสัญ-
ญา........ผูกความสัมพันธ์.....ผ่านผ้าย
หน้า.......แรกเริ่มร่วมกัน....เราก่อ
ฝน........ผ่านพาหน้าท้าย.....ถับแท้ทำถึง ฯ
๏ เสียงอึงฟ้าสะอื้น..............สะอึกครวญ
เรียมห่มไห้รัญจวน.............จิตด้วย
ร้องไปเรียกใครหวน..........เขาห่าง.......แล้วเฮย
พร่ำบ่นจนชีพม้วย..............แม่ย้อนคืนไฉน ๚ ๛
๒ กรกฎาคม ๒๕๔๘
30 มิถุนายน 2548 10:59 น.
วฤก
๏ ตะวันคล้อยลอยต่ำตอนค่ำแคล้ว
จะละแล้วฤๅนี่สุรีย์ฉาย
สิ้นทิวาลาลับราวดับวาย
มิเหลือปลายปลูกใยใคร่คะนึง
ม่านราตรีคลี่ผืนเข้ากลืนภพ
โลกสยบยอมยอบใต้ขอบขึง
ระงับอรรถสงัดคำเคยรำพึง
หล่นก้นบึ้งบังตนจำนนใจ
เมื่อสิ้นสิทธิอิสระที่จะกล่าว
ทุกเรื่องราวร่ำลือคือข้อไข
โฆษณาน่าเชื่อฤๅเชื่อนัย
ป่าวร้องไปเป็นเปล่าความเปล่าฟัง
ตะวันลับดับลงอยู่ตรงหน้า
หมดทิวาฤๅสิ้นถวิลหวัง
ต่อตอนรุ่งพรุ่งนี้มีพลัง
ความเกลียดชังโชติฉานปานสุรีย์ ฯ
๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๘
30 มิถุนายน 2548 10:55 น.
วฤก
๏ กระซิบกระเส่าเร้า............เริงประโลม
อ้อนออดกระโบมโฉม...........ชิดเชื้อ
กระเหิมคลื่นกระโหมโถม.....กระทบโขด....หินแฮ
กระหนบ่นวอนเกลื้อเนื้อ.......แนบน้องครองไฉน ฯ
๏ ชลาศัยใส่ศัพท์แสร้ง.........กระสรวลหยัน
กระแสงหยอกเราห่างกัน......กริ่งร้าง
เกรงรักหักเหหัน..................ให้เปลี่ยน
หายเปล่าเป็นเคว้งคว้าง........ขาดพ้นพันธผล ฯ
๏ ฝากชลกระซิบถ้อย.............กระเซ็นธาร
พากย์ภาษเผยบรรหาน.........เหตุพร้อง
รำพันพร่ำคำขาน...................ความบอก
คอยตอกย้ำเตือนน้อง............ตระหนักไว้นัยความ ฯ
๏ ทุกยามยินคลื่นครื้น..........คือประโคม
คำพี่ประโลมโฉม..................ชื่นชู้
กระแสศัพท์กระโหมโถม......กระทบโสต
เธอโปรดรับรู้ผู้.....................ภักดิ์เจ้าเฝ้าถวิล ๚ ๛
๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๘