28 มีนาคม 2549 23:46 น.
วฤก
๏ คำกลคนกุเค้า..................กล่าวความ
ตรองเถิดตรึกถ้วนตาม..........ถูกต้อง
ถ้าไขทุกข้อถาม...................คือถูก
ความชัดควรใช่ข้อง..............เช่นคล้ายเฉคำ ฯ
๏ จงนำจิตนึกแจ้ง................ไหนจริง
สางเปลือกสางปมสิง............แปลกสร้าง
อันที่อรรถแท้อิง...................ถ้าเอ่ย
ใครถกความแท้ข้าง..............ทุกข้อทนไข ๚๛
๒๘ มีนาคม ๒๕๔๙
28 มีนาคม 2549 16:17 น.
วฤก
๑
๏ ขอบฟ้ามาพรากให้...................หายไฉน
หาชนะคะนึงใจ...........................จ่อน้อง
จริงแน่นหนักแม้นไกล...............มากกว่า
มาตรโกฏิโยชน์ยังคล้อง..............อยู่ข้างเคียงเสมอ ฯ
๒
๏ คอยสมัครสมาสเจ้า..................สมานจิต
เสมือนจับเนาแนบชิด.................ชื่นเนื้อ
เชยนวลป่วนเรียมคิด.................ร้อนคลั่ง
ร้างขาดคลาดรสเรื้อ.....................รักได้ฤๅไฉน ฯ
๓
๏ เลยฉะนั้นในขอบฟ้า................เขตฝัน
ครอบฝั่งความสัมพันธ์.................พี่ไว้
ภาพวาดขอบฟ้าสรรค์..................ฟ้าสอบ
ฟ้าสอดสองครองให้.....................คู่ห้องเวหา ฯ
๔ นาคบริพันธ์
๏ วายหายหั้นขอบฟ้า..................เขียนฟาง
เขียนฝั่งรักเรียมจาง...................จากโพ้น
จากภักดิ์พี่รักนาง.......................แน่วจิต
แน่วเจตน์ขอบฟ้าโน้น...............ฝั่งนั้นฤๅเห็น ๚๛
๒๘ มีนาคม ๒๕๔๙
28 มีนาคม 2549 12:03 น.
วฤก
๏ เบญจางคประดิษฐ์ก้ม......กราบพระ
ผู้ผ่อนกิเลสละ....................หลุดพ้น
สานพงศ์สืบพุทธะ...............ทางห่าง........ทุกข์แฮ
เสมือนหนึ่งนาบุญล้น..........เลิศพร้อมเพาะกุศล ฯ
๏ สองร้อยสองเจ็ดข้อ..........คุมศีล
สวมสุดเศียรสู่ตีน..............เตรียบพร้อม
เห็นธรรมส่ำกิเลสปีน.........เล็งวิปัส-.......สนานอ
ขีณะอาสวะน้อม..................แน่วโพ้นนิพพาน ฯ
๏ พิจัยพิจักขณ์รู้................จรูง
กลเล่ห์กิเลสจูง...................จิตกั้น
โลกามิสมอมฝูง..................ฝังสัตว์
รู้ตัดวัฏฏะสะบั้น.................สะบัดได้ไกลหมอง ฯ
๏ เบญจาคประดิษฐ์ก้ม......กราบพระ
ผู้สั่งสอนธรรมะ..................วิมัติม้าง
ไขใจไล่สันทะ....................ทางบอด.......บังแล
สงฆ์หนึ่งในรัตน์อ้าง...........อะคร้าวครบสาม ๚๛
25 มีนาคม 2549 14:03 น.
วฤก
๑
๏ พระพรหมพระพ่ายแพ้........พลมาร
มันหักเข้าสถาน......................สถิตท้าว
โถมค้อนเข่นองค์ลาญ..............ลงแหลก
ล้มป่นบนพื้นร้าว.....................อุระร้าวเหล่าชน ฯ
๒
๏ กมลคนหม่นม้าง...................เมตตา
ประลาตปรารถนา....................นึกน้อม
อวยสุขสู่ประชา-........................ชนสุข
ซาเสื่อมเหลือเบียนล้อม............บาดร้ายโรมรัน ฯ
๓ (ช้างประสานงา)
๏ การัณย์การกก้ำ...................การุณ
ก็หลบการร้ายซุน....................ซ่อนพ้น
เสียงเพลงส่งพร้องหนุน...........ในโสต
เนื่องสั่งประทุษท้น...................ประทับทั้งธาตรี ฯ
๔
๏ ฤดีร้อนด่าวดิ้น....................แดเดือด
มุทิตาตายเหือด......................หักเหี้ยน
โหมจิตอิจฉาเชือด-.................เฉือนหาก
เห็นสุขคนอื่นเสี้ยน.................เสียดเนื้อเหน็บทรวง ฯ
๕
๏ แปลกปวงแปลงเที่ยงแท้.......ธรรมนิตย์
อุเบกขาวิปริต...........................แปร่งเลี้ยว
เบนเอนเบี่ยงเอียงทิศ..............ทางแกว่ง
ไกวส่ายคลับคล้ายเกี้ยว.............กอดเนื้อเครือวัลย์ ฯ
๖ (วัวพันหลัก)
๏ สูญพันธุ์พรหมพ่ายแพ้...........ผองมาร
มารหักฤๅสถาน.........................สถิตท้าว
ท้าวพ่ายฝ่ายพลพาล..................พรากห่าง
ห่างบทพรหมบถก้าว..................เกลือกเคล้าอกุศล ๚๛
๒๕ มีนาคม ๒๕๔๙
18 กุมภาพันธ์ 2549 15:08 น.
วฤก
๏ จริยธรรมระส่ำล้ม..............เสียหลัก
ความตะกละมันหัก...............หมดเหี้ยน
ศีลธรรมเสื่อมทรามหนัก.......สิ้นเหนี่ยว-
รั้งหลักเหลือหลักเพี้ยน..........เล่นพ้องพวกกัน ฯ
๏ พลิกผันพังกฎเกื้อ..............แก่ตน
ตามกอบตามโกยฉล..............ฉกฉ้อ
ประโยชน์ชาติพินาศผล........แพ้ประโยชน์.......ตนเฮย
คนคดคดในข้อ.....................นั่งค้ำงำเมือง ฯ
[u]วัวพันหลัก[/u]
๏ เสียงเคืองคนกล่าวข้อ.........คำถาม
ถามชอบธรรมทำทราม...........เสื่อมซ้ำ
ซ้ำซุกซ่อนซ้ำหยาม................ย้ำผิด
ผิดต่อชนทนค้ำ......................ถ่อยขึ้นครองไฉน ฯ
๏ ไผทเพียงท่วมพื้น...............เพลิงผลาญ
สูญสุจริตการณ์.......................กล่าวอ้าง
จริยธรรมระส่ำลาญ.................เสียหลัก
เหลี่ยมหนักนำเหลี่ยมสร้าง.....เล่ห์ซ้อนซ่อนผล ๚๛
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙