21 กันยายน 2549 20:34 น.
วฤก
๏ เขียนความขมขื่นขึ้น...........ขานคะแนน
ด้วยกลุ่มดาวกว่าแสน............กอปรสร้าง
ทุกดวงหากขานแทน..............ความทุกข์-........ทนนอ
เสี้ยวหนึ่งฤๅอาจอ้าง................อกร้าวเรียมไฉน ๚
๏ จึงในระหว่างเวิ้ง...................เวหน
มีกาพย์กลอนซ่อนกล...............กล่าวถ้อย
ดาววางพ่างพยนต์...................พยัญชนะ.........นั่นเนอ
นาทบทพจน์พี่ร้อย...................พากย์ร้าวรานทรวง ๚
๏ ราวสรวงพังล่วงพ้น...............ภพสลาย
คราเมื่อเธอหันหาย..................ห่างร้าง
แรงแสงรุ่งดาวฉาย..................ชี้บอก
ช่วยบ่ายหลังคืนสร้าง................คู่สร้างครองสม ๚
๏ หากชมดาวหนึ่งคล้าย............เขียนคะแนน
เขียนกลุ่มดาวเกินแสน............โกฏินั้น
หนึ่งดาวหนึ่งคราวแทน............ความทุกข์-......ทนแม่
แม้หมดดวงดาวหั้น..................ห่างร้าวเรียมเขียน ๚ะ
๒๑ กันยายน ๒๕๔๙
10 พฤษภาคม 2549 20:07 น.
วฤก
๏ อรุณแดดอุ่นไล้................โอ้โลม
วอนชื่นเชยชมโฉม.............ฉะอ้อน
ยอมพรากจากโพยม............เพื่ออยู่
เพียงครู่ผาดพรรณซ้อน.......สักครั้งหวังเชย ฯ
๏ รำเพยลมพัดพลิ้ว............พลิกไกว
กระทุ่มกระเทือนใบ............บิดสะท้าน
ราชาวดีไหว.......................หวามหวั่น
ว่าพรั่นคำพลอดคร้าน.........ผ่อนคร้ามความหวาน ฯ
๏ รุ่งกาลเหลืองเรื่อฟ้า........ราวฝัน
เรียมฝากคำรำพัน.............พากย์ไว้
พร่ำวอนฉะอ้อนกรรณ........อ้างก่อน
อาบกรุ่นแดดอุ่นไล้............ลูบไซร้ใครถนอม ฯ
๏ อย่ายอมแดดอุ่นอ้อน......อรรถชม
อย่าปล่อยโฉมประโลมลม...ลูบเร้า
อย่าหลงเรื่องนิยม..............นิยายหลอก
อย่านอกใจผู้เฝ้า................ใฝ่เจ้าจอมขวัญ ๚๛
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๙
5 พฤษภาคม 2549 12:39 น.
วฤก
๏ ทวยเทพฤๅท่านร้อย..........เรียงมณี
เลือกเก็จเม็ดสวยสี...............เสกสร้าง
สังวาลซึ่งวางพลี....................พลาญลั่น-........ทมนอ
ถวายแด่ไท้ใคร่อ้าง..............เอ่ยใช้บูชา ฯ
๏ วันทารติน้อม....................สนองชม
เสนอช่อดอกลั่นทม..............แทบเท้า
ทูลท่านอภิรมย์.....................พิรามดอก
พิรุฬห์ดั่งระดมเฝ้า...............ใฝ่ให้ไท้สนาน ฯ
๏ ทำเสนาะสังคีตครื้น............ขึ้นประโคม
ขานประเคราะห์คำกระโหม....กระหึ่มก้อง
กระหวนการท่านประโลม.......โลกสนุต
หลงสนุขในรักพ้อง.................ผูกคล้องครองสม ฯ
๏ ควรผคมด้วยเก็จแก้ว.........ก่องสี
สรรค์เสร็จสร้อยมาลี...............เลิศล้ำ
ส้มกาฬสินธุ์พลี......................พลาญลั่น-.........ทมแม่
ถวายแด่ไท้ให้ค้ำ...................คู่ชู้ตูเสถียร ๚๛
๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
20 เมษายน 2549 20:55 น.
วฤก
๏ แพรไหมผืนใหม่ซ้อน..........สอดวาง
เว้นสลับสับผืนขวาง................แผ่ไขว้
พุดซ้อนแผ่แพรกาง................เผยกลีบ
พาดก่ายกลดอกไม้.................ดั่งแม้นแพรไหม ฯ
๏ โชยไกลฉมกรุ่นหั้น............หอมเย็น
นาสิกแนบสูดเป็น..................ปราศร้อน
ลืมทุกขุกลำเค็ญ....................ลาขาด
คล้ายเสพทรัพย์สรวงซ้อน.......ซ่อนร้อนรอนหาย ฯ
๏ ดังฉายพุทธิแจ้ง.................กระจ่างเจต
ทุกข์-สมุทัยสังเกต..................ก่อนแล้ว
กลซ้อนซ่อนกิเลส....................ลวงขุ่น........ไขพ่อ
โดยนิโรธแลมรรคแคล้ว..........หมดข้องทุกข์ขัง ฯ
๏ แม้ยังธรรมะย้อม.................อยู่กมล
เสมือนพุทธซ้อนเสริมผล.........แผ่ป้อง
ปัดทุกขุกเข็ญดล.....................ดาลสุข
สันติสู่ตนข้อง..........................ขุ่นร้อนรุมไฉน ๚๛
๒๐ เมษายน ๒๕๔๙
8 เมษายน 2549 17:44 น.
วฤก
๏ ชมนาดนาดกิ่งช้อย...........ช้อนงอน
นาดดั่งนางกินนร................นาฏฟ้อน
ไหวไกวกวัดไหวกร.............วาดกิ่ง
ว่ากวักเรียกรักย้อน.............อยู่ซ้อนเยียนสม ฯ
๏ อภิรมย์อกพี่เร้า................รสสวาท
หอมดอกชมนาด..................ชื่นเนื้อ
ฉมปรางหากจางคลาด..........ใจขาด
คลุ้งกลิ่นชมนาดเอื้อ..............อกร้อนฤๅหาย ฯ
๏ พระพายพัดผ่านซุ้ม..........พฤกษา
พร่ำศัพท์กระซิบภา-.............ษกพร้อง-
เพรียกนางอย่าร้างลา...........ลืมกลับ-
หลังชื่นชมนาดน้อง..............นาทซ้องน้ำเสียง ฯ
๏ ใช่เพียงชมนาดช้อย..........ช้อนกร
ใช่กลิ่นแก้มสมร....................สมัครชู้
ใช่เสียงศัพท์เว้าวอน.............วากย์สั่ง
ใช่ส่ำชำมะนาดรู้....................เรียกน้องนางไฉน ๚๛
๘ เมษายน ๒๕๔๙