16 มกราคม 2550 15:18 น.
วฤก
๏ สอนศิษย์สำเร็จพร้อม........พิทยา
ประพฤติเยี่ยงท่านสา-...........ธกล้ำ-
เลิศแล้เทิดบูชา....................ชูท่าน
เหนือกว่าเรือท่าค้ำ-...............ถ่อข้ามธารฝัน ๚
๏ วันครูผู้ศิษย์น้อม...............ประนมกร
มโนกราบผู้เพียรสอน-...........สั่งข้า ฯ
สางเขลาสร่างเมาถอน............เหมือนถอด
กะลาครอบกะโหลกอ้า............ออกให้เห็นแสง ๚
๏ แจ้งวิทย์จึงวิชช์แก้.............วิกล
พาผ่านทางสับสน..................เสื่อมได้
สัมฤทธิ์เพราะผลิตผล............ผู้บ่ม- ...........เพาะนอ
จึงกล่าวประกาศไสร้.............ศิษย์นี้มีครู ๚
๏ รู้วิทย์ประสิทธิไว้...............วิชชา
ประพฤติจริยา......................เยี่ยงชี้
เสมือนนิ้วศิษย์วันทา..........เทิดเกียรติ
ทอดกราบที่เท้านี้..............ประณตแม้นแทนคุณ ๚ะ๛
๑๖ มกราคม ๒๕๕๐
9 มกราคม 2550 14:36 น.
วฤก
๏ ริ้วระลอกหมอกฟ่องละอองหม่น
บรรโลมบนใบหญ้าคราผ่านผัน
ทิ้งรอยชื้นพื้นใบด้วยไอควัน
รอตะวันวาดแสงก่อนแห้งจาง
แต่รอยหม่นชลนัยน์เปื้อนใจพี่
แรงสุรีย์ฤาจะช่วยสะสาง
แม้นแสนสูรย์กูณฑ์กุมกองสุมวาง
ฤาอาจล้างรอยเลือนเหมือนล่มกัลป์
ความละมุนอุ่นไอห่วงใยเอื้อ
อาจใช้เจือจางเหงาเศร้าโศกศัลย์
เหมือนระลอกหมอกผ่านคลี่ม่านควัน
อุ้มอกอันอาจร้อนให้ผ่อนคลาย
จึงระลอกหมอกอุ่นละมุนช่วย
เอื้ออำนวยอกเหงาเศร้าสลาย
วอนเธอให้ไมตรีแก่พี่ชาย
ก่อนวางวายช้ำชอกในหมอกมัว ๚ะ๛
วฤก : ๘ มกราคม ๒๕๕๐
26 ธันวาคม 2549 22:14 น.
วฤก
๏ บวงสรวงปวงเทพคุ้ม-...........ครองตน
ให้ห่างหายทุกข์ดล...................ดับร้อน
เสวยสุขสวัสดิ์บน-....................บานบอก
หมูเห็ดเป็ดไก่ป้อน-.................ปากพร้อมพลีถวาย ๚
๏ คนกลายโลกทัศน์เพี้ยน......พุทธธรรม
อัตตหิ อัตตโน นำ....................นาถแท้
สรณะอื่นได้สำ-........................แดงศัก-
ดาข่มไตรรัตน์แพ้-..................พ่ายด้วยความเขลา ๚
๏ ลืมเอาสติตั้ง........................ตรองการณ์
วิปัสสนาญาณ.........................หยั่งรู้
เห็นวัฎฎะสงสาร.....................สรรพสิ่ง
สวมอวิชชาสู้...........................กระเสือกพ้นภัยไฉน ๚
๏ เทพไท้ฤๅท่านคุ้ม-..............ครองตน
ให้ห่างหายทุกข์ดล.................ดั่งอ้อน
เสวยสุขสวัสดิ์ผล....................เพราะพึ่ง........ตนแล
ทุกข์เกิดทุกข์ฤๅข้อน..............เข่นร้อนรมผลาญ ๚ะ๛
๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๙
10 ตุลาคม 2549 20:22 น.
วฤก
๏ ชะรอยชลฝนยังอยากหลั่งล้าง
ลบรอยจางร้าวจิตยามคิดถึง
ความชอกช้ำย้ำลึกผนึกตรึง
ตรงก้นบึ้งบังเนื้อเพื่อนึกเตือน
เคยขันแข่งแบ่งฝ่ายเป็นซ้ายขวา
เข้าเข่นฆ่าขุดไปใครไม่เหมือน
เคยขุ่นเคียดเกลียดเขายอมเผาเรือน
แล้วโอ่เพื่อนเพื่อชมอุดมการณ์
ไม่กี่วันผันพ้นทุกคนผิด
วิปริตบูชาความพร่าผลาญ
เป็นเรื่องราวเล่าฟังดังประจาน
ไทร่วมบ้านเราบ้าเข่นฆ่าไทย
กี่ห่าฝนชลล้างทุกอย่างสิ้น
รอยมลทินที่เปื้อนเลือนไฉน
จึงทุกชลบนหล้าหลากบ่าไป
ล้างฤๅได้รอยเตือนเดือนตุลา ๚
๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๙
28 กันยายน 2549 23:34 น.
วฤก
๏ ละลิ่ว... ปลิวหล่นลงบนพื้น
สะอื้นโอดพร่ำถ้อยคำขาน
ไฉนหนอกรรมกระทำลาญ
พรากผลาญผละต้นตกหล่นโปรย
ระบัดผลัดใบสมัยต้น
แล้วกลเวลาพาระโหย
รอยย่นร่นรัดบัดเดี๋ยวโรย
ลมโชยฉุดได้ใบปลิดปลง
ชีพชนกลคล้ายหากหมายรู้
เกิดคู่ความตายควรคลายหลง
มีไหนใครกันอยู่มั่นคง
พ้นวงวัฏฏะวาระกรรม
ชีพครั้งยังอยู่ควรรู้รั้ง
อย่าพลั้งเผลอผิดจิตถลำ
เกลือกชั่วกลั้วเขลาเมากระทำ
แล้วพร่ำเสียดายเมื่อสายเกิน ๚ะ
๒๘ กันยายน ๒๕๔๙