30 มกราคม 2552 13:17 น.
วฤก
๏ เรียงเก็จเม็ดก่องรุ้ง..........รังสี
รอบขอบเขียวขจี...................เจิดจ้า
สังวาลย์สรรพมณี..................น้ำหนึ่ง......นี้นอ
สวมใส่ศอกอหญ้า..................ก่องเย้าเพรางาย ๚
๏ แรงไถงฤๅถ่องแม้น............เทียมเหมือน
หมายแข่งน้ำค้างเยือน.............อยู่พื้น
แพรวพรายพร่างฉายเตือน.....ตาตื่น .....ตรูเนอ
แถนถอดสรวงเสกฟื้น.............ฝากด้าวดูไฉน ๚
๏ แล้วแสงแดดแผดร้อน........เผารม
แพรวเก็จกลายหายจม............หับแจ้ง
รุ้งรุ่งเสื่อมนิยม........................นิยตนั่น....นั้นแล
เหลือแต่คราบไคลแห้ง............เหือดไว้ให้เห็น ๚ะ
๏ โลกธรรมทั้งแปดนั้น...........นาทแสดง
ลาภ เสื่อมลาภ ยศแปลง........ปลดได้
สรรเสริญ ติฉินแจง...............แจ้งต่อ......ตามนา
ทุกข์ สุขทรงเสื่อมไขว้.............ขวับได้โดยพลัน ๚ะ
๏ จึงเก็จเม็ดก่องรุ้ง................รังสี
สูรย์แผดสร้างผงคลี.................ผ่านคล้อย
ชีพชนม์เฉกวิถี .......................ท่านอุ-......เทศพ่อ
รู้แปดโลกธรรมร้อย.................ร่านรั้งฤๅหลง ๚ะ๛
วฤก (admin@drnui.com) : ๒๕ มกราคม ๒๕๕๒
2 เมษายน 2551 22:04 น.
วฤก
๏ เพียงเพชรเก็จก่องรุ้ง......รังสี
ระยิบหยอกแสงสุรีย์..........รุ่งเช้า
น้ำค้างพ่างมณี..................ในทุ่ง......หญ้าเอย
โอ้ต่างน้ำเนตรเจ้า..............เจ็บช้ำกำสรวล ๚
๏ คำครวญขมขื่นไห้........โหยหา
คำศัพท์สายลมพา............พากย์พ้อ
คำขืนสะอื้นครา...............ครั้งโสต.....สดับเนอ
คำเสียดศัลย์จนท้อ............เจ็บท้นทนไฉน ๚
๏ ฉะนั้นใจพี่เจ็บแม้น.......เสมอกัน
เธอโศกพี่โศกศัลย์............โศกซ้ำ
เสียงคำพร่ำรำพัน............ฤๅแผ่ว.......ผ่านนา
สรรพศัพท์สะอื้นย้ำ.........สะอึกย้อนข้อนสนอง ๚
๏ จงมองเม็ดเก็จรุ้ง........รุ่งฉาย
โดนแดดดลเดือดหาย......เหือดหั้น
ไฉนนะจะละลาย............ลบโศก........สลดนอ
อิงอกพี่อาจกั้น................กีดพ้นกมลหมอง ๚ะ๛
30 มีนาคม 2551 02:09 น.
วฤก
๏ ไหนว่าหวานซ่านรสยากอดลิ้ม
ครั้นลองชิมเชือดกมลระคนขม
รสรักร้าวคาวขื่นสะอื้นตรม
หลอกให้ชมแล้วเฉือนไม่เตือนภัย
อยาก.... อยู่ใกล้ใฝ่หาทุกคราคิด
อยาก.... กอดชิดกายกระชับยามหลับใหล
อยาก.... ร่วมตื่นชื่นแจ้งแสงอุทัย
อยาก.... ครองใจเธอนั้นนิรันดร
ครั้น....อยู่ใกล้ไขว่ถึงใช่ดึงอยู่
ครั้น....นอนคู่คล้ายคว้างหว่างสิงขร
ครั้น....ร่วมตื่นสะอื้นครวญหวนอาวรณ์
ครั้น....ฝันนอนนั้นชื่นกว่าฟื้นตน
ไหนว่าหวานซ่านรสยากอดลิ้ม
ได้ลองชิมช่างขมระทมผล
รักเขาอื่นชื่นชุ่มกุมกมล
รักวิจลจะบ้า... หยอกข้าฯ ฤๅ ๚ะ๛
29 มีนาคม 2551 14:34 น.
วฤก
๏ เห็นโลกร้อน ร้อนโลก ฤๅโชคร้าย
คนแบ่งฝ่ายฟากฝันห้ำหั่นผลาญ
ขึ้งเขม้นเข่นไล่บรรลัยลาญ
โดยบันดาลโทสะโมหะครอง
หลังช่วงชิงวิ่งแข่งแย่งอำนาจ
ก็ดังคาดดังขามความสยอง
ผู้ชนะมิละเว้นเห็นลำพอง
ประกาศก้องกลบฉาวคาวมลทิน
กล้าแก้กฎงดเว้นประเด็นโทษ
เพื่อประโชน์พวกกันพันธุ์กังฉิน
คำชี้แจงแถลงผิดมิคิดยิน
จึงแถดิ้นด้วยฉลฉ้อกลกุม
บรรลัยกัลป์บั่นกาลฤๅผลาญแผด
ระอุแดดระดมร้อนดังฟอนสุม
ระเหยเหงื่อเหลือไว้แต่ไข้รุม
เงาตะคุ่มยุติธรรม์จึงบรรลัย ๚ะ๛
วฤก : ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๑
25 มีนาคม 2551 22:35 น.
วฤก
๏ เสียงครวญใครใส่ไว้.............แว่วยิน
เสียงห่มไห้ถวิล........................เทวษว้าง
เสียงลมผ่านพี่ผิน.....................พักตร์เพ่ง....พิศเนอ
เสียงไป่ปลอบผู้ร้าง..................ผ่อนร้าวฤทัย ๚
๏ ครรไลคำรบนี้......................เนิ่นนาน
นับหนึ่งชั่วโมงขาน..................หม่นไข้
คิดถึงซึ่งสถาน.........................สถิตสู่......สองนอ
เสมอหนึ่งกัลป์แล้วไร้..............ร่างน้องประคองสม ๚
๏ ประโคมสารผ่านแผ่นฟ้า....ฝากดิน
เสียงห่มไห้ถวิล......................เทวษนั้น
เสียงแว่วแผ่วเพื่อยิน..............ยังโสต.....น้องนา
เรียมฝากลมร้อนดั้น...............ดิ่งฉะอ้อนวอนฟัง ๚
๏ ว่ายังคอยอยู่เคล้า-.............คลอประคอง
คะนึงแอบแนบสนอง.............สนิทเนื้อ
คราร้างห่างนางหมอง...........มานหม่น....ไหม้อา
ในอกเรียมร้าวเยื้อ................หยุดไห้ฤๅหาย ๚ะ๛
วฤก : ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๑