24 ธันวาคม 2544 18:00 น.
วฤก
๏ สายัณห์ผันลับแล้ว.................................ลาตะวัน
แสงอ่อนรอนแดดอัน................................อบร้อน
พระพายพัดผ่านผัน..................................เพลาผ่าว.......ร้อนนา
สุรีย์เลื่อนลอยคล้อยซ้อน...........................ซ่อนหล้าลาหาย ฯ
๏ สายัณห์ผันลับเลื่อน................................ตะวันเคลื่อนเลือนลาฟ้า
แดดอ่อนรอนร้อนรา.................................แสงจัดจ้าพร่าแรงโรย
๏ พระพายชายพัดไล้................................ล้างร้อนไปให้เหือดโหย
เย็นชื่นรื่นลมโชย.....................................โบยสะบัดพัดผ่านมา
๏ ย่ำค่ำย่ำฆ้องก้อง.....................................ยินเสียงซ้องท่องธรรมกถา
พระเถรเณรหลวงตา.................................พาเสียงธรรมนำชีพชน
๏ สุรีย์ที่ลาลับ............................................เลื่อนโลกอับแสงสับสน
ธรรมสิ้นศีลเสื่อมจน..................................ใจหมองหม่นท้นหมองมัว
๏ เสียงธรรมเคยฉ่ำชื่น.............................ชืดชาขื่นในคืนสลัว
เสียงกรีดหวีดหวาดกลัว............................กลั้วเสียงกามขามเสียงธรรม
๏ จิตใสใจพิสุทธิ์.......................................เสื่อมโฉดฉุดยุดโยกต่ำ
โมหะโทสะกำ............................................โลภร่านย้ำขย้ำกิน
๏ เยื้อแย่งแข่งขันสู้..................................เพียงเพื่อกูโกยยศสิน
เดือดร้อนค่อนธานินทร์.............................มิยลยินสิ้นเยื่อใย
๏ ตะวันที่ผันลับ........................................เคยหวนกลับนับวันใหม่
แสงธรรมเคยนำใจ...................................จะคืนไหมในชีพชน ๚
23 ธันวาคม 2544 20:52 น.
วฤก
โคลงสี่สุภาพ
๏ ฝากใครในหล่มหล้า................แลหา
เห็นหนึ่งพอพึ่งพา........................พี่รู้
แน่แท้แน่นัยนา..........................นึกตรึก.....ตรองนอ
ฝากรักสมัครซ้อนชู้......................ชื่นน้องนวลถนอม ฯ
อุปชาติฉันท์ ๑๑
๏ ถวิลถวายจิต...........................จะสนิทเสน่หา
นวลปรางมิร้างรา.......................มิสลายมิคลายคลอน
ด้วยรักสมัครแม่.........................บ่มิแปรมิแปลงถอน
มิผันนิรันดร...............................และมิรอนมิร้างคลาย ฯ
๏ สดับและรับภัก - ....................ดิตระหนักนะโฉมฉาย
แม้หมางจะวางวาย.....................กลคล้ายจะขาดปราน
หากน้องประคองรัก....................และสมัครสมานสาน
สวาทสฤษฏ์มาน.........................ระติดาลระรื่นทรวง ฯ
กาพย์ฉบัง ๑๖
๏ ฝากร่างวางไว้ใกล้กาย...............................ใคร่โลมโฉมฉาย
มิหน่ายคลายสวาทคลาดคลอน ฯ
๏ ฝากใจใกล้ชิดสนิทสมร..............................มิห่างร้างรอน
ถอดถอนกร่อนหมางจางไป ฯ
๏ ฝากรักภักดิ์ยิ่งจริงใจ..................................จิตซึ้งตรึงใน
ระตีมิเลือนเคลื่อนคลา ฯ
๏ ขอจงส่งใจให้มา........................................มัดมั่นขวัญตา
ติดพี่นี้นานกาลกัลป์ ฯ
กลอนดอกสร้อย
๏ ฝากเอ๋ยฝากรัก.........................................ฝากใจภักดิ์พี่ไว้ให้จอมขวัญ
อย่ารวนเรเหห่างจืดจางกัน............................เพราะพี่มั่นหมายน้องประคองใจ
ถึงกายห่างต่างแดนใช่แคลนขาด...................เสื่อมสวาทวายจิตคิดหวั่นไหว
ยังคงภักดิ์หนักแน่นแม่นมั่นใน......................จอมฤทัยมิถอนรอนรักเอย ๚
20 ธันวาคม 2544 21:21 น.
วฤก
๏ เขียนโคลงกลอนเกาะร้อย....................เรียงรจน์
ศัพท์เพราะเพียงซับพจน์..........................พากย์พ้อง
พาทย์ขานซ่านเสียงบท.............................บวงกล่อม.....สรวงฤๅ
ดาลสนั่นพิมานซ้อง....................................เสนาะสร้างสรรค์ความ ๚
๏ เขียนโคลงกลอน เกาะร้อย เรียงรจน์ศัพท์
เพราะเพียงซับ พจน์พากย์ พ้องพาทย์ขาน
ซ่านเสียงบท บวงกล่อม สรวงฤๅดาล
สนั่นพิมาน ซ้องเสนาะ สร้างสรรค์ความ ๚
20 ธันวาคม 2544 17:45 น.
วฤก
๏ ดูดาวฤกษ์เบิกฟ้าคราคืนค่ำ
ผืนฟ้าก่ำเกลื่อนพราวดาวพรายฉาย
ล้อมอ้อมเดือนเคลื่อนคละกระจายราย
แสงพรายคล้ายสีเพชรเม็ดวามงาม
ดาวเต่าช้อนซ้อนกุมกลุ่มดาวไถ
ด้วยกลใดดาริกาข้าขอถาม
จะใคร่ช้อนซ้อนฉ่ำทุกย่ำยาม
ทุกค่ำตามแต่ดาวเจ้าซ้อนกัน
ดาวลูกไก่ใสสุกกระจุกเกาะ
อกเรียมเดาะด้วยร้างห่างเหหัน
ดาวดวงน้อยร้อยมัดรัดผูกพัน
แต่เรียมอั้นอกสะอื้นขมขื่นใจ
ดาวชายธงทรงงามสบสามด้าน
สั่นสะท้านสะเทือนจิตคิดหวั่นไหว
เกรงมีสามตามพร่าคร่าเจ้าไป
เรียมคงไข้ขื่นขมระทมทรวง
ดาวหงส์หันผันพักตร์ลงปักษ์ใต้
ฤๅปักได้ดินปลักละศักดิ์สรวง
ดังเจ้าลอยล่องหาวอย่างดาวดวง
ฤๅจะร่วงลงพื้นให้ชื่นชม
ดาวสุกใสในฟ้าคราคืนค่ำ
ข้าขื่นพร่ำเพ้อฝันวันสุขสม
ดาวพรายพร่างกลางฟ้าน่านิยม
แต่ข้าตรมกลางดินสิ้นคนแล ๚
19 ธันวาคม 2544 17:45 น.
วฤก
๑ ๏ เดือนรูปเคียวเกี่ยวฟ้า.................ฟ่องหาว
ดูเด่นด้วยดาดดาว..............................ดื่นล้อม
เพียงสุพรรณผ่องผิวพราว...................พรรณนั่น
ราวกลั่นกาญจน์ก่องน้อม.....................แนบไว้ในสวรรค์ ฯ
๒ ๏ นวลพรรณจันทร์แจ่มแจ้ง............กระจ่างนวล
จันทน์กรุ่นกลิ่นรัญจวน.......................จิตเร้า
ชมจันทร์ชื่นจันทน์ชวน.......................จันทน์เช่น......จันทร์นอ
ชวยกลิ่นประทิ่นเคล้า..........................คละคลุ้งจรุงหอม ฯ
๓ ๏ กระต่ายกระโดดเต้น.....................ตามกัน
เมียงเหม่อเผลอมองจันทร์...................แจ่มนั้น
โสมสรวงร่วงลดพัน.............................ผืนแผ่น........ภพฤๅ
ฟ้าห่างขวางกางกั้น...............................กีดไว้ว่างไฉน ฯ
๔ ๏ เดือนสวยดังปิ่นเสี้ยว...................ปักเศียร
ปักปัฏปรัดระเมียร..............................มาศร้อย
เรียงเดือนเกลื่อนดาวเขียน.................เคียงก่าย........กันนอ
งามอย่างหยาดหยดย้อย.......................เยี่ยงโพ้นโพยมสรวง ๚