26 ธันวาคม 2544 23:45 น.
วฤก
ภาพจาก : ทัวร์ไทย
กาพย์ยานี ๑๑
๏ พลิกพลิ้วปลิวเคว้งคว้าง........................ล่องลอยกลางหว่างเวหา
ยักย้ายส่ายซัดมา.....................................ถลาปลงลงดินดาน
๏ เคยอยู่ชูชิดยอด...................................ถูกถางถอดทอดทิ้งผลาญ
ใบไม้ใบบิ่นราน......................................ฤๅใครหาญกานทำลาย
๏ ร่วงหล่นปนดินฝุ่น................................คลุกเคล้าขุ่นซุนเสื่อมสลาย
สดสีขจีพราย...........................................กลายกลับหม่นป่นเปื่อยตม
๏ ชีวิตปลิดเคว้งคว้าง..............................ปลงปล่อยร่างวางทับถม
กองทิ้งกลิ้งคละจม...................................รมฝุ่นดินสิ้นตัวตน
๏ มีหรือถือตัวมั่น....................................มีตัวฉันอันสับสน
ฉันอยู่คู่สกล...........................................พ้นวางวายคล้ายอมร
๏ พลิกพลิ้วปลิวลิ่วล่อง.............................ควรแลมองตรองตรึกสอน
ใบไม้ใบร่วงรอน....................................อุทาหรณ์ตอนตนตาย ๚
26 ธันวาคม 2544 17:31 น.
วฤก
๏ แสงสีทองส่องฉายที่ชายฟ้า
ฟ่องเมฆาเคลื่อนคล้อยลอยเวหน
ราวเวหาสดาดม่านสำราญยล
ค่อยคลี่หล่นโลมแผ่นแดนไผท
พฤกษ์สะบัดกวัดกิ่งกลิ้งใบส่าย
เล่นพระพายพักโบกโยกโยนไหว
ปลายยอดโค้งวงค้อมน้อมกอไกว
ระบำไพรพิจิตรพิศเพลินตา
ลมหนาวชายกรายผ่านสะท้านเยือก
น้ำค้างเกลือกกลิ้งในใบพฤกษา
สะท้อนแสงแรงสีสุรียา
จรัสจ้าแจ่มแววแสงแพรวพราว
เพียงพรายเพชรเก็จพร้อยร้อยประดับ
วาววะวับวางไว้ในหมอกหนาว
ดังเวหนกล่นกลาดดื่นดาษดาว
ภาพยามเช้ายลชื่นตื่นตาชม ฯ
โอ้จอมขวัญวันเหงายามเช้าหม่น
ขื่นระคนระคายคล้องจะครองขม
เจ้าอยู่ไกลใจผวาเหมือนคว้าลม
ไร้คู่ชมชื่นอรุณหมกมุ่นมาน
มองแสงทองส่องฟ้าครารุ่งแจ้ง
ไม่สาดแสงสู่ใจจนใสฉาน
หมอกหนาวคลุ้มกุมจิตแทบปลิดปราณ
เยือกสะท้านสะเทือนจิตคิดถึงเธอ ๚
26 ธันวาคม 2544 00:00 น.
วฤก
๏ หยั่งรากซอนซ้อนเซาะเกาะดินแกร่ง
เพื่อขืนแข็งขึ้นตรงทรงพฤกษา
เกิดกกกอก่อไว้ในพนา
ให้แกร่งกล้ากำบังลมคลั่งแรง
เป็นรากแก้วแล้วใช่เพียงให้ยุด
ฤๅใช่ขุดขอดน้ำตามระแหง
แต่เป็นหลักปักลงส่งสำแดง
มีกล้าแกร่งเกิดก่อกกกอไพร
ฉันทลักษณ์หลักการบุราณพากย์
ก็คือรากลงมั่นกันหวั่นไหว
แม้นมีหลักหนักแน่นแม่นมั่นใจ
กลกลอนใดดลหลงงุนงงฤๅ
หยั่งรากซอนซ้อนเซาะให้เกาะจิต
ลงลิขิตขีดสารจารลายสือ
สร้างกลอนโคลงโยงคำร่ำระบือ
เป็นผู้สื่อทรงแล้วรากแก้วกานท์ ๚
25 ธันวาคม 2544 20:52 น.
วฤก
๑ ๏ กองไฟไอผ่าวร้อน.......................รุมราย
ผีป่าพาผีพราย...................................ผุดล้อม
ชุมนุมกลุ่มภูติหมาย...........................มาสนุก.......สนานนอ
ฟ้อนร่อนกรอ่อนอ้อม..........................เอ็ดอื้ออึงเสียง ฯ
๒ ๏ ผีเปรตทุเรศร้าย.........................รุมสุม
โลดหลุดผุดจากหลุม...........................ลึกเร้น
ร้องร่าว่าโลภกุม.................................เกาะจิต.......มนุษย์เฮย
จักผลิตผีเปรตเต้น.............................ตื่นขึ้นเต็มสกล ฯ
๓ ๏ รากษสสำรากร้อง.......................เรียกกัน.......ฮะเหย
รากอ่อนชอนใช่ผัน............................แผกได้
รากโฉดโกรธแค้นคัน........................เคืองขุ่น
รากงอกออกยักษ์ให้...........................โหดขย้ำขยอกผลาญ ฯ
๔ ๏ โมหะมาห่อหุ้ม...........................ให้หลง
ผีโป่งโผนโจนลง................................เล่นด้วย
ติรัจฉานผ่านชลสรง...........................ใสส่อง........ใจฤๅ
เห็นเกรอะเลอะจนม้วย.......................หม่นครึ้มครองมาน ฯ
๕ ๏ กระสือเสือกส่ายไส้.....................ส่งเสียง
เสพมูตรสูดมูลเพียง...........................เพชรรุ้ง
เสพเสร็จส่ายตาเมียง.........................มองใหม่
หมายหล่มอาจมฟุ้ง............................ฟ่องนั้นสุคันธ์หอม ฯ
๖ ๏ กองไฟไอผ่าวอ้าว........................อบอวล
ผีเผ่นเต้นผันผวน..............................แผดร้อง
เสียงสนั่นลั่นในสวน...........................เสียดโสต
ลิงโลดโดดล้อมคล้อง.........................คร่าคว้าครองคน ๚
24 ธันวาคม 2544 21:21 น.
วฤก
๑ ๏ จงหวังตั้งมั่นคว้า........................ความฝัน
ล้มลื่นฝืนหยัดยัน.............................อย่าท้อ
ถอนถอยปล่อยแปรผัน.....................ผละห่าง
ยอมหน่ายพ่ายกลล้อ.........................หลอกให้เหหัน ฯ
๒ ๏ บากบั่นฟันฝ่ากล้า......................แกร่งเผชิญ
อุปสรรคฤๅจักเกิน............................กว่าแก้
ทางไกลใช่พ้นเดิน............................ดะดุ่ม......ได้นอ
ระย่อยอมท้อแพ้................................พ่ายแล้วฤๅไฉน ฯ
๓ ๏ ปลุกใจให้ตื่นขึ้น........................คืนตน
คอยแกะคอยแก้กล..........................เกี่ยวรั้ง
สะสางสร่างสับสน..............................ใสส่อง......แสงนา
ฉายสว่างทางถางทั้ง...........................ที่กั้นกลายสลาย ฯ
๔ ๏ เนือยหน่ายคลายเหนื่อยล้า........ลงนอน
พักก่อนอ่อนแรงรอน........................ร่างได้
แต่ใจใช่ยอมคลอน...........................คลายหน่าย
จงหมั่นมั่นก้าวใกล้............................เกี่ยวคว้าความฝัน ๚