27 กุมภาพันธ์ 2545 22:33 น.
วฤก
อินทรวิเชียรฉัน์ ๑๑
๏ โรยรัศมีอ่อน.................................ระวิรอนอุไรแสง
เฉิดฉายก็กลายแปลง........................กลแสร้งจะเสื่อมซา ๚
๏ มวลหมอกระลอกพลิ้ว.....................ปะทะทิวศิลาผา
พาดผายสยายทา...............................ธุมะคลุ้มตะคุ่มควัน ๚
๏ โผนผกวิหคเหิน.............................ผิวะเพลินนภาผัน
พาหมู่คณานั้น...................................บทดั้นทิฆัมพร ๚
๏ ครืนคลื่นกระทบฝั่ง.........................ชลถั่งมิยั้งถอน
เพียงเสียงเจรียงกลอน.......................เสนาะโสตประโมทย์ใจ ๚
๏ คลื่นพรรณนาพิศ............................สวนิตพิจิตรไข
ซาบซึ้งคะนึงใน..................................หฤทัยมิคลายคลอน ๚ ๛
27 กุมภาพันธ์ 2545 20:52 น.
วฤก
๏ แสงโคมโสมส่องแจ้ง.........................แจ่มนวล
หอมกลิ่นราตรีอวล................................อบฟุ้ง
ปานประทิ่นกลิ่นน้องยวน......................เย้าจิต
แนบนิทร์นอนร่วมมุ้ง............................แม่เคล้าเคียงเขนย ๚
๏ รำเพยลมพัดไล้..................................โลมทรง
เพียงพี่พรอดประจง...............................จูบเจ้า
ไกลวิถีพี่พะวง.......................................ผวาคิด
คราวสนิทชิดน้องเคล้า...........................คู่คล้องประคองขวัญ ๚
๏ นานวันนิราศร้าง...............................แรมไกล
นานเนิ่นมิเมินไป.................................เปลี่ยนพ้น
นานเดือนเคลื่อนคลาไคล......................คลาดห่าง
นานนับนานมานท้น..............................ท่วมล้นรำพึงถึง ๚
๏ โสมซึ่งแสงส่องแจ้ง............................แจ่มโพยม
ยวนจิตคิดเชยโฉม..............................ชิดใกล้
คะนึงคืนชื่นคืนโสม..............................สาดส่อง
คืนเก่าเราสองไซร้...............................สู่ห้องภิรมย์สม ๚๛
26 กุมภาพันธ์ 2545 20:24 น.
วฤก
๑
๏ มือหยาบผิวย่นกร้าน......................ไกวเปล
กล่อมว่าอย่าโยเย..............................อย่าร้อง
เอ เอ้ เห่ลมเพ..................................พัดโบก
พัดโศกสร่างสิ้นป้อง...........................ปกเจ้าจอมขวัญ ๚
๒
๏ นัยนาพร่าฟั่นฝ้า............................ฟางเฟือน
หมองหม่นมืดมัวเหมือน....................หมอกกั้น
จ้องขจัดหมัดแมลงเยือน....................ยุงไต่
ปัดไล่ใดใกล้บั้น................................บั่นล้างเลือนหาย ๚
๓
๏ เสียงเห่เสียงกล่อมเอื้อน.................เอิงเอย
นอนก่อนนอนหลับเลย......................ลูกแก้ว
ดิ้นไยไม่เสบย..................................สะบัดผ่าว ร้อนฤา
ไข้จับกุมกายแล้ว..............................รุ่มร้อนร้าวหรือ ๚
๔
๏ ข้าวหุงปรุงรสล้ำ.............................ลองกิน
พืชผักปักตามดิน..............................ดาษพื้น
น้ำใสใส่ขันริน.................................รองดื่ม
ในป่านาน้ำชื้น.................................ชุ่มเลี้ยงชอุ่มเขียว ๚
๕ - โตเล่นหาง
๏ เสมือนมนต์กลเล่ห์เย้....................ยึดกุม
ลืมไร่ไปรุมสุม..................................เสี่ยงร้าย
หน่ายนาบ่าชุมนุม.............................เนืองแน่น
มุ่งสู่เมืองหมายคล้าย.........................คลั่งไคล้ไหลหลง ๚
๖
๏ ทิ้งนาทิ้งไร่ร้าง...............................ลืมหลง
ทิ้งย่าทิ้งปู่ปลง...................................ปลีกลี้
ทิ้งลูกปล่อยทิ้งลง...............................หรือนั่น
ทิ้งค่าคนป่นปี้...................................แปลกแท้แปรไฉน ๚
๗
๏ แม่เจ้าคืนถิ่นครั้ง..........................คราวหนาว
กลับถิ่นกลิ่นคาวฉาว.........................โฉ่คลุ้ง
ครรภ์เจ้าเร่าร้าวราว.........................ลาญแหลก
คลอดเสร็จเล็ดพุ่งฟุ้ง.........................ฟ่องฟ้าเวหาหาย ๚
๘ - นาคบริพันธ์
๏ หลานยายเราอยู่สู้...........................สืบตน
สืบต่อต้านทุรน..................................ทุเรศร้อน
ทุเรศรุกขุกขมทน..............................ทุกข์ท่วม
ทุกข์ถั่งประดังซ้อน.............................ซัดคล้ายคลื่นโถม ๚
๙ - วัวพันหลัก
๏ เจ้าเป็นเช่นดั่งแม้น.........................มุกมณี
มณีที่แม่เจ้าพลี...................................แผ่ให้
ให้ยายยึดฝากผี...................................เผาศพ
ศพเน่าไม่เปล่าไร้................................ร่างสิ้นดินถม ๚
๑๐
๏ จะถนอมจะกล่อมเกลี้ยง...................เกลาใจ
รู้จักรักพงไพร....................................แผ่นหล้า
เกิดดงไม่หลงไกล...............................กลายถิ่น
กลายเผ่าเฝ้าฝันคว้า...........................ไขว่ค้นจนหลง ๚๛
22 กุมภาพันธ์ 2545 17:02 น.
วฤก
๏ ดวงตะวันผันกลับลาลับโลก
พาวิโยคยามถวิลดังสิ้นหวัง
ฟ้าเลือนรางจางแสงแรงพลัง
เหมือนพี่ยังยาตรไปห่างไกลเรือน
นกขมิ้นบินจรจับคอนเดี่ยว
พี่เปล่าเปลี่ยวแปลบอกฟกเสมือน
ขมิ้นพรากจากไกลไม่คืนเยือน
เรียมไม่เลือนลืมรังอังอุ่นไอ
เยือกน้ำค้างพร่างพรมระทมหม่น
น้ำตาหล่นลงอกสะทกไหว
คิดคะนึงถึงน้องทั้งห้องใจ
ว่าวันใดเวียนกลับรับขวัญตา
ใจพี่เหงาเศร้าโศกโลกสลด
ร้าวระทดราวขมิ้นถวิลหา
เยือกกมล พ้นน้ำค้าง กลางพนา
เพราะจากลาร้างเจ้าจึงเหงาทรวง ๚
21 กุมภาพันธ์ 2545 17:45 น.
วฤก
๏ ร้อยถ้อยคำฉ่ำเสียงรื่นเรียงร้อย
สานดังสร้อยสอดพันสุวรรณสาน
จารเป็นพจน์บทพร่ำนำจดจาร
คำขับขานความคะนึงซึ้งทุกคำ
เล่ห์ร้อยเรียงเสียงเล่นเพื่อเป็นเล่ห์
หนำใจเหหันไปเพียงใจหนำ
ทำชาชอกยอกย้อนหลอนกระทำ
ใจระกำเกินทนล้างหม่นใจ
ทำความเรียงเพียงสนุกสนานจิต
ทำความคิดผิดถลาถลำไหล
ทำความหลงคงจะพลั้งจะพลาดไกล
ทำความใดให้คะนึงคะเนควร
จงประดิดประดอยงามตามประจง
สวนทางหลงหรือไม่ในกระสวน
ทวนจนครบจบข้อขอทบทวน
ดีทั่วถ้วนถึงจารคือกานท์ดี ๚