11 มีนาคม 2545 22:04 น.
วฤก
๑
๏ ผีเปรตทุเรศร้าย................................รั้งเมือง
ใครขัดอัดอกเคือง.................................ขุ่นข้อง
ยกตนว่าตนเรือง...................................โรจน์รุ่ง
ใครคิดแผกแผดร้อง..............................สำรากถ้อยถ่อยถม ๚
๒
๏ จงจมงมอยู่ใต้....................................ตีนตู
จงปิดคิดในรู.......................................รกร้าง
จงหยุดอย่าเผยอชู................................ชี้สว่าง
จงอย่ามาขวางง้าง.................................งัดข้าอย่าหือ ๚
๓
๏ ปิดสื่อเป่าสากปลิ้น............................แปลงเสียง
แปลงเปลี่ยนเป็นสำเนียง....................นอบน้อม
ขยายสารอ่านความเรียง......................คำเลี่ยน
ใครไม่ป้อยอล้อม................................รุกขยี้ขย้ำผลาญ ๚
๔
๏ นรกานต์ ฤๅเร่าร้อน.........................แรงเทียม
เมฆหม่นยังร่นเจียม............................จ่อมจ้า
ธานีที่ไหม้เกรียม................................กรอบกร่อน
กลายหม่นมืดดังหล้า............................หลบเร้นตะวันฉาย ๚
๕
๏ ภูติพรายผีเปรตเข้า..........................ครองเรือน
ใครขัดมันหมายเหมือน.......................มุ่งร้าย
แสร้งจับตรวจทรัพย์เฉือน...................ฉุดขู่
ขีดกฎกดคนคล้าย................................คอกกั้นกาสร ๚ ๛
6 มีนาคม 2545 00:28 น.
วฤก
๑
๏ ชลซัดลัดเลาะเลี้ยง..............................ลำธาร
ไหลล่องคลองละหาน.............................ห่มพื้น
พฤกษ์พุ่มชอุ่มบาน.................................ระบัดผลิ........ใบแฮ
ชวยชื่นชลฉ่ำชื้น.....................................ชุ่มน้ำธารใส ๚
๒
๏ ไหลเลาะละเมาะไม้.............................ละมุนโลม
ไฉนเหือดเหมือดหม่นโทรม....................เสื่อมร้าง
ระเหยแห้งแก่งเคยโถม...........................ถะถั่ง
ถอนปล่อยถอยเปล่าว้าง...........................ว่างเว้นวางละหาน ๚
๓
๏ กลางผลาญหลากเหล่าหญ้า.................โยกไกว
โยกกวัดสะบัดใบ...................................โบกย้าย
โบกยอดทอดกอไหว...............................กระหวัดส่าย
กระหวัดส่งซัดระลอกคล้าย.....................คลื่นคล้อยทยอยไหล ๚
๔
๏ ลูกไฟไล่ฟอกล้าง.................................ลาญฟัน
ร้อนเร่าเผาหญ้าควัน..............................ขุ่นคลุ้ง
ผลาญแหลกแตกติณพัน.........................ผงฝุ่น
ละลิ่วล่องฟ่องลอยฟุ้ง........................... ฝุ่นคว้างกลางหาว ๚
๕
๏ ฤทัยร้าวคราวเขม่าเถ้า........................ถมดง
ก้านกิ่งกกกอปลง....................................ป่นสิ้น
กี่ฉนำนับคืนคง......................................คือเก่า
กรจับกลับพลิกปลิ้น.................................เปลี่ยนย้อนเยียไฉน ๚
๖
๏ กระไรเล่าเราบ่ป้อง.............................ปกพนา
ผนึกอยู่คู่พสุธา.......................................สถิตไว้
เป็นสถานย่านพฤกษา..............................สานสมาส
เสมอหนึ่งแคว้นคนไซร้...........................สืบด้าวแดนสงวน ๚ ๛
3 มีนาคม 2545 03:50 น.
วฤก
๏ เปลวแดดแผดเผาผ่าวร้อน
เหนื่อยอ่อนโอ้แรงแห้งหาย
ร้อนเลือดเดือดพล่านรานกาย
แทบวายวางสิ้นวิญญาณ
หาร่มห่มเงาเพลาผ่อน
ซุกซ่อนซอกเร้นเข่นผลาญ
เย็นซาบอาบน้ำลำธาร
พาผ่านพ้นร้อนรอนตน
ร้อนใจไข้จับคับจิต
สุดคิดคว้าขวับสับสน
กระเสือกเลือกไหนใดดล
ทุรนร้อนเร่าเบาบาง
หลบร่มลมพัดสะบัดผ่าน
สรงธารหรือรอนร้อนหมาง
แค่จิตคิดค้นหนทาง
ร้อนจางด้วยใจใสเย็น ๚ ๛
1 มีนาคม 2545 22:04 น.
วฤก
๑ - อักษรสลับ
๏ ลัดทางเลาะเที่ยวเลี้ยว.......................เทียวลอง
มวลพฤกษ์มากพันธุ์มอง........................แผกไม้
ปานสรวงปลูกสวนปอง..........................สรรค์ป่า
เกินค่ากว่าใครใกล้...............................คิดกล้าคว้ากุม ๚
๒ กินนรเก็บบัว
๏ พรรณพุ่มแผ่พุ่มซุ้ม..........................สานใบ
เพลาแดดแผดแดดไอ..........................อบร้อน
ราวร่มห่มร่มใจ....................................จิตอุ่น
ล้างขุ่นเลือนขุ่นข้อน..............................ขัดข้องครองหมอง ๚
๓ วัวพันหลัก
๏ สองพันธุ์วัลย์เกี่ยวเกี้ยว......................กอดพัน
พันสอดลอดลัดกัน.................................เกาะคล้อง
คล้องเคียงบ่เบี่ยงผัน.............................ผละห่าง
ห่างแต่เรียมร้างน้อง.............................นั่งเศร้าโศกศัลย์ ๚
๔ - ครอบจักรวาล
๏ บัวผันเบือนผ่านร้าง..........................หรือบัว
เร้นวกอกเรียมกลัว.............................กลบเร้น
ห่างหันบ่พันพัว....................................ผันห่าง
หมางอย่างบัวแค้นเค้น.........................ขุ่นคล้ายระคายหมาง ๚
๕ - อักษรล้วน
๏ คูนคางแคข่อยค้อ..............................ขึ้นเคียง
พรรณพฤกษ์แผ่พ้องเพียง....................เพื่อนพร้อม
แล้วเราเล่าร้างเรียง.............................รักร่วม
นานเหนื่อยเนือยนึกน้อม.....................แน่น้องหน่ายหนี ๚
๖ - นาคบริพันธ์
๏ สารภีคลี่กลีบแย้ม.............................ยั่วใจ
ยั่วจิตอยากสนิทใน..............................นิ่มเนื้อ
นิ่มนวลอย่ายวนใคร............................เขาเกี่ยว
เขาก่ายหน่ายเรียมเรื้อ........................รักร้างระคางหมอง ๚
๗ - ช้างประสานงา
๏ บัวตองบานตาบพื้น.........................แผ่นดิน
ภาพดุจพิสุทธิ์ศิลป์..............................เสกสร้าง
ใสสุกส่องโศภิน..................................สุพรรณผ่อง
สะพรั่งแผ่พรรณผายกว้าง...................ก่องแม้นมาศฉาย ๚
๘ โตเล่นหาง
๏ เมลืองพรายฉายเรื่อเนื้อ..................เนียนนวล
เนื้อผ่องมองยวนชวน..........................ชื่นลิ้ม
บัวตองผ่องผวนหวน............................เห็นนิ่ม.......เนื้อนอ
นึกป่วนจวนปริ่มปิ้ม.............................ปั่นปั้นกระสันถึง ๚
๙ - บุษบารักร้อย
๏ พลับพลึงพร่ำพร่ำเพ้อ.....................เพลงครวญ
เพลงร่ำไห้ไห้หวน.............................หู่เศร้า
เสียใจใคร่ใคร่ทวน...........................ทบกลับ
คืนรับขวัญขวัญเจ้า.............................จักฟื้นคืนสนาน ๚
๑๐ - ก้านต่อดอก
๏ จารสาส์นกานท์กล่าวร้อย..............เรียงเสียง
คำพร่ำรำพันเพียง............................พี่ชี้
ในใจใคร่ไขเมียง.............................มองส่อง
เห็นเช่นจริงสิ่งลี้...............................รักแท้เฉลยเผย ๚๛
28 กุมภาพันธ์ 2545 22:33 น.
วฤก
๏ ร้อยลำนำคำความที่งามงด
กรองเป็นพจน์เพลงกานท์สานอักษร
กระแสเสียงเจรียงพร่ำรำพันกลอน
ซ่านสะท้อนเสน่ห์ซึ้งติดตรึงใจ
แต่ละลักษณ์สลักลงประจงวาด
พลิ้วพิลาศเพียงกนกสะทกไหว
ลายลดลอดสอดชั้นซ้อนหลั่นไป
กระหวัดไกวก่อลายพริ้งพรายพัน
เพลินเพลงกลอนฉะอ้อนคำรำพันพร่ำ
พจีฉ่ำชื่นมานซ่านสุขสันต์
เกษมศัพท์สดับพจน์บทจำนรรจ์
ผสานบรรณระบายเสียงจำเรียงรมย์
ขับลำนำคำความที่งามงด
ประจงจรดใจจารกานท์ผสม
เสนอกลอนอักษรสาส์นชนอ่านชม
ไม่นิยมก็มิยั่นหยุดสรรค์ซา ๚ ๛