26 มีนาคม 2545 15:50 น.
วฤก
๑ โตเล่นหาง
๏ พลัดสรวงร่วงหล่นพ้น............................ผืนโพยม
เคยอยู่คู่โคมโสม.......................................ส่องฟ้า
แสงดับอับโฉมโทรม..................................ศรีเสื่อม
แสงสว่างจางพร่าล้า....................................หรี่เร้นเลือนสลาย ๚
๒ - โตเล่นหาง
๏ เคยฉายพรายแข่งแจ้ง...........................แจ่มจันทร์
มาสร่างจางพรรณผัน.................................ผิดพ้อง
โอ้ไฉนใคร่หันวัน......................................เวียนกลับ
วางประดับขับผ่องห้อง.................................แห่งห้วงเวหา ๚
๓ โตเล่นหาง + วัวพันหลัก
๏ น้ำตาบ่าหล่นล้น......................................ไหลริน
รินหยดรดดินถวิล......................................เทวษไห้
ไห้หวนป่วนจินต์วิญญ์...............................วอดดับ
ดับทุกข์จุกใจไข้.........................................ข่มล้มลืมไฉน ๚
๔ โตเล่นหาง (อีกครั้ง)
๏ หล่นไปในดินสิ้น..................................แสงฉาย
เคยสว่างพร่างพรายวาย...........................วอดแล้ว
วอดดับวับหายสลาย..................................สละร่วง
เลือนหล่นป่นแววแก้ว.............................ก่องฟ้าเฟือนหมอง ๚ ๛
25 มีนาคม 2545 21:07 น.
วฤก
๑
๏ ยอดโยนโอนอ่อนล้อ...................................ลมชาย
กอกวัดสะบัดปลาย.........................................ป่ายซ้อน
เสียงครืนคลื่นซัดทราย..................................ซบฝั่ง......ชลฤๅ
เสียงส่ายปลายหญ้าย้อน.................................ขยับย้ายเขยื้อนไหว ๚
๒
๏ ทุ่งไพรทุ่งใหญ่กว้าง....................................กลางพนา
เขียวสดงดงามตา............................................ตาบพื้น
เพียงพรมห่มหินผา.........................................ผืนแผ่
พาชุ่มชลชื่นชื้น..............................................ฉ่ำเลี้ยงไพรสัณฑ์ ๚
๓
๏ แสงตะวันวาดแถบข้าง...............................ขอบใบ
ระบายเรื่อเจือเขียวใส...................................สดย้อม
มรกตก่องแก้วไว...........................................แววส่อง
พรายผ่องเพียงเพชรล้อม...............................รอบไว้ฤาไฉน ๚
๔
๏ โยกไกวใบแกว่งล้อ...................................ลมชาย
ประหนึ่งนางนาฏกราย..................................กรีดนิ้ว
กรฟ้อนอ่อนผันผาย.......................................เพลงรื่น............ระบำแฮ
หญ้าสะบัดกวัดกอพลิ้ว...................................พิศแล้วเริงสนาน ๚๛
18 มีนาคม 2545 23:16 น.
วฤก
๏ ใช่เพียงเพลงประเลงกานท์ประสานศัพท์
ใช่เพียงรับรสถ้อยร้อยประสม
ใช่เพียงภาพซาบซึ้งพึงนิยม
ใช่เชยชมชื่นจิตแล้วปลิดวาง
ก็เพราะกานท์จารความที่งามงด
ก็เพราะรสเพลงกลอนรอนหม่นหมาง
ก็เพราะภาพกำซาบอยู่มิรู้จาง
จึงร่วมสร้างสรรค์สานงานกวี
เหมือนสายใยไขว้เหนี่ยวเกี้ยวกระหวัด
เหมือนสายรัดรั้งไว้ไม่หน่ายหนี
เหมือนสายสร้อยร้อยเพชรเก็จมณี
คือสายที่ถักสานงานนักกลอน
จึงมีใยใสยิ่งงามพริ้งแพร้ว
จึงมีแก้วก่องจรัสประภัสสร
จึงมีมิตรสนิทมั่นนิรันดร
ไม่แคลนคลอนเคลื่อนคลาย..... เพราะสายใจ ๚ ๛
15 มีนาคม 2545 22:48 น.
วฤก
๏ ยินเสียงพร่ำคำแว่วแผ่วกระซิบ
ละล่องลิบลอยคว้างในกลางหาว
ถ้อยคำวอนฉะอ้อนขอคอยง้อดาว
จงพร่างพราวพรั่งฉายพรายรุจี
ยินเสียงพร่ำคำครวญชักชวนชิด
เดือนอย่าบิดเบือนผันหันพักตร์หนี
คคนางค์จะร้างไปในราตรี
เพราะไร้สีเลือนแสงแจ้งแจ่มจันทร์
ใช่เมฆาจะกล้าแกล้งบังแสงอับ
ใช่จะดับดาริกาพาผิดผัน
ใช่จะเลือนเดือนหม่นระคนควัน
ใช่จะกั้นกีดขวางให้หมางใจ
จึงพรอดพร่ำคำอ้อนวิงวอนว่า
วาดนภาพราวพร่างสว่างไสว
ด้วยดาวเดือนเหมือนสวรรค์อันอำไพ
ด้วยหทัยเห็นชอบ...ประกอบกัน ๚ ๛ ...
14 มีนาคม 2545 00:28 น.
วฤก
๏ อยู่เรียบเรียบเงียบง่ายติดชายป่า
มีทุ่งนากว้างกว้างข้างขุนเขา
อยู่ห่างห่างทางไกลใจซึมเซา
คิดโศกเศร้าคราวร้างห่างบ้านมา
อยู่ยุ่งยุ่งกรุงไกรใหญ่ซับซ้อน
ดูรุ่มร้อนแรงแรงแข่งไขว่หา
อยู่ใกล้ใกล้ไม่เอื้อเกื้อกรุณา
มุ่งแข่งคว้าแข่งขันเลิกปันใคร
คิดถึงบ้านนานเดือนที่เลือนลับ
คิดคืนกลับครั้งร้าวคราวหวั่นไหว
คิดถึงครั้งยังกรุ่นอบอุ่นไอ
คิดครั้งใดดวงจิตแทบปลิดวาย
อยู่เรียบเรียบเงียบง่ายติดชายทุ่ง
ไม่เรืองรุ่งรางรางร้างแสงฉาย
ไร้สีสันวันวันผันผ่านกราย
เป็นเรือนตายเรือนตนจนนิรันดร์ ๚