21 มิถุนายน 2545 21:43 น.
วฤก
๏ หินแข็งฤๅแกร่งกล้า...........เกินเวลามาพร่าผลาญ
เชิดชูอยู่ชั่วกาล.....................นานเท่าใดใครไขที ๚
๏ หินแข็งฤๅแกร่งกล้า...........เกินกาล
เกินกว่าเวลาผลาญ................ผ่านพ้น
เชิดชูอยู่ชั่วนาน....................นับเนิ่น
นานเท่าใดใครค้น.................คิดได้ควรไข ๚
๏ หินแข็งหาแกร่งพ้น.............เห็นพังป่นบนผืนดิน
โอ้รักจักผิดผิน ......................ภาพศิลาพาหวั่นใจ ๚
๏ หินแข็งหาแกร่งพ้น............พังภินท์
ภาพปรักหักห่มดิน.................ดาดพื้น
โอ้รักจักผิดผิน ......................ภาพพี่............พิศฤๅ
พังป่นดลอกสะอื้น..................อัดอั้นหวั่นไหว ๚
๏ แม้ศิลายังร่วนล้ม................ราวทรายล่มจมสลาย
รักเราเล่าอาจคลาย.................หายห่างไปใจรัญจวน ๚
๏ แม้ศิลายังร่วนล้ม................ราวทราย
คลื่นซัดกัดเซาะสลาย..............ลบไร้
รักเราเล่าอาจคลาย.................คลอนคลาด
เรียมอาจอกช้ำไห้...................หากน้องหน่ายหนี ๚
๏ จงมีจิตมั่นแม้น..................มากกว่าแผ่นศิลาผา
พ้นผ่านกาลเวลา....................พาผันผิดจิตหันไป ๚
๏ จงมีจิตมั่นแม้น..................มากคณา
ผืนแผ่นศิลาผา......................พ่ายแพ้
พ้นผ่านกาลเวลา....................ลับล่วง
ดวงจิตสถิตเสถียรแท้.............เที่ยงแม้มารผลาญ ๚๛
19 มิถุนายน 2545 23:17 น.
วฤก
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
๏ กราบแก้วกวีเอก.....................กลเสกประสาทสาส์น
เกลาเกลี้ยงเจรียงกาน-...............ทประดิดประดอยกลอน ๚
๏ เสียงซ่านสราญพจน์................มธุรสมลายถอน
ท่านภู่พระสุนทรฯ.......................นยนี้มิมีใคร ๚
๏ กลอนท่านประดิษฐ์คิด.............สวนิตเสน่ห์ไข
ขานขับประทับใน.......................หฤทัยมิถอนรอน ๚
๏ ตามแบบฉบับอ้าง...................ระบุสร้างศุภักษร
เอาเยี่ยงพระสุนทรฯ..................ก็ขจรขจายไกล ๚
๏ กราบกรานกวีแก้ว.................รุจิแผ้วประภาสใส
ด้วยฉันทดลใจ..........................สดุดีกวีกาญจน์ ๚
๏ มุ่งมั่นจะสรรค์ต่อ....................มิระย่อและหยุดสาน
สืบเนื่องเมลืองนาน....................ปฏิญาณประพันธ์กลอน ๚ ๛
19 มิถุนายน 2545 22:36 น.
วฤก
๏ ไม่มีที่มีทางปลูกสร้างบ้าน
ไม่มีงานเงินตราให้อาศัย
ไม่มีญาติปราศมิตรคิดห่วงใย
ไม่มีใครคอยเอื้ออุ่นเจือจาน
จึงซอกซอนร่อนเร่เที่ยวเกะกะ
คุ้ยขยะขยุ้มคว้าเศษอาหาร
ทั่วท้องหิวกิ่วแสบแทบปลิดปราณ
ใต้สะพานพักผ่อนนอนระทม
เพราะพลาดพลั้งสังคมถึงจมปลัก
เพราะไร้หลักหลงผิดชีวิตขม
เพราะเวรกรรมนำไปให้จ่อมจม
เพราะพลาดล้มหรือไรถึงได้เป็น
นี่หรือภาพฉาบเมืองที่เรืองรุ่ง
ถึงจะปรุงปิดไว้มิให้เห็น
ฉากชีวิตวิจิตรล้ำมีลำเค็ญ
เป็นประเด็นคอยถาม.......ความพัฒนา? ๚ ๛
18 มิถุนายน 2545 22:07 น.
วฤก
กาพย์ฉบัง ๑๖
๏ ทุ่งกระเจียวเหลียวมองข้องจิต...............................เทพที่มีฤทธิ์
ประสิทธิประสาทสรรค์ไย ๚
๏ วางประดับปรับแต่งแหล่งไพร.............................ภาพพจน์สดใส
สวยงามสามหล้าหาชม ๚
๏ โอ้หนอพอพิศจิตสม- ..........................................หวังชื่นรื่นรมย์
มิรอนถอนคืนชื่นคลาย ๚
๏ จึงมาคราใหม่ใจหมาย..........................................มั่นตริมิวาย
ว่าชมสมค่ากว่าพอ ๚
๏ ทุ่งกระเจียวเหลียวมองข้องหนอ...........................สรวงส่งลงชะลอ
แฉล้มแต้มแต่งแหล่งไพร ๚
๏ เทพสถิตสถิตพ้นหนไกล......................................เกินหวังตั้งใจ
จักมุ่งทุ่งกระเจียวเจียวฤๅ ๚ ๛
18 มิถุนายน 2545 11:29 น.
วฤก
๏ มีอักษรกลอนกานท์งานวิจิตร
มีมิ่งมิตรสมัครมั่นวรรณศิลป์
มีคำขานผสานเสียงเพียงเพลงพิณ
ให้ยลยินยามเยือนเพื่อนนักกลอน
สายสัมพันธ์วันนี้วันที่ก่อ
จะสานทอทองถักร้อยอักษร
มิตรภาพตราบสิ้นแผ่นดินดอน
มิแคลนคลอนเขินขาดวินาศคลาย
เพราะร่วมสรรค์วรรณศิลป์......ไม่สิ้นสาร
ร่วมร้อยกานท์ประกอบดิน....ไม่สิ้นสาย
ต่างเชี่ยวชาญกานท์ประพิณ....ไม่สิ้นลาย
ภาพพริ้งพรายพิศผิน....ไม่สิ้นกล
มีอักษรกลอนกานท์งานวิจิตร
มีมิ่งมิตรมั่นกวีทวีผล
สมาสสานสมานศิลป์ให้ยินยล
จากกมลมิตรกลอนมิกร่อนกลาย ๚ ๛